CEYE ตาชำนิ...ผู้ให้บริการด้านสื่อโฆษณาครบวงจร
บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) (CEYE) ประกอบธุรกิจผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณาให้กับลูกค้าเอเจนซีโฆษณาและเจ้าของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งบริการให้เช่าสตูดิโอสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ รวมทั้งบริการสื่อออนไลน์
จุดประสงค์ของการระดมทุนเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ลงทุนในอุปกรณ์การผลิต ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน ตลอดจนเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้เท่ากับ 4.54 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 2565
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
• แนวโน้มปี 2565 อุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์และโฆษณาดิจิทัลยังเติบโตต่อเนื่อง : นีลเส็น ประเทศไทย คาดว่าสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ยังมีอิทธิพลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการใช้จ่ายของแบรนด์ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นสื่อที่ยังมีอิทธิพลในการจับจ่ายของผู้บริโภค แม้ว่าการรับชมรายการสดทางโทรทัศน์มีแนวโน้มลดลงแต่มีการรับชมย้อนหลังและการรับชมรายการสดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ยังมีความต้องการบริการถ่ายภาพนิ่ง ตกแต่งภาพ และถ่ายภาพเคลื่อนไหวในการผลิตสื่อโฆษณา สำหรับปี 2565 คาดว่าเม็ดเงินลงทุนโฆษณายังคงเติบโตต่อเนื่องเพื่อผลิตสื่อโฆษณาการเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่องทางสื่อที่หลากหลาย
• คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ของกำไรสุทธิระหว่างปี 2562-2565 อยู่ที่ 15% ต่อปี : ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้จากการให้บริการในปี 2565 ราว 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36%YoY โดยมีสัญญาณรายได้พลิกกลับดีขึ้นตั้งแต่ช่วง 4Q64 ที่มีการเปิดเมืองตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 ทำให้มีความต้องการผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์มากขึ้นในหลายอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โทรศัพท์เคลื่อนที่ ค่ายรถยนต์ ธนาคาร ฯลฯ ขณะที่เราคาดว่ารายได้บริการอื่นด้านออนไลน์มีเดียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามการใช้เงินโฆษณาของแบรนด์ต่าง ๆ ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) 29.2% ใกล้เคียงกับระดับ 29.6% ในช่วง 4Q64 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้รวมที่ระดับ 8.9% ลดลงจาก 11% ในปี 2564 ส่งผลให้ประมาณการกำไรในปี 2565 เท่ากับ 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105%YoY โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15%ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2562-2565 เท่ากับ 15% ต่อปี
• ประเมินราคาเหมาะสมในปี 2565 ราว 4.54 บาทต่อหุ้น : เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PER โดยใช้ Prospective PER ที่ระดับ 21x เมื่อเทียบกับหุ้นที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันในกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (ตลาด SET) ที่ระดับ 47.34 เท่า และกลุ่มบริการ (ตลาด mai) ที่ระดับ 35.49 เท่า (ดังแสดงใน Figure 6) เราประมาณกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2565 ราว 0.216 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมเท่ากับ 4.54 บาทสำหรับปี 2565
ปัจจัยเสี่ยง
i) การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การจำกัดการรวมกลุ่มคน ลูกค้าต่างประเทศเดินทางมาใช้บริการไม่ได้ และลูกหนี้บางส่วนชำระเงินล่าช้า
ii) ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ลูกค้าชะลอ และ/หรือลดปริมาณการจัดทำสื่อโฆษณา
iii) ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น