TikTok อาจได้อยู่ต่อในสหรัฐ เมื่อ ‘ทรัมป์’ พอใจแคมเปญหาเสียงเป็นไวรัล
TikTok อาจได้อยู่ต่อในสหรัฐ เมื่อ ‘ทรัมป์’ ดูสถิติหลังบ้านพอใจแคมเปญหาเสียงเป็นไวรัลยอดวิวนับพันล้านครั้ง แต่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังคงยืนยัน TikTok เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” แสดงความเห็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ (22 ธ.ค.67) ว่า เขาเห็นชอบที่จะปล่อยให้ TikTok ดำเนินธุรกิจในสหรัฐต่อไปได้ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง พร้อมเข้าพบซีอีโอ TikTok และมี "ความสนใจ" เป็นพิเศษต่อ TikTok โดยให้เหตุผลว่าเขาได้รับยอดวิวนับพันล้านครั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนี้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทรัมป์ปราศรัยต่อหน้าผู้ร่วมงาน AmericaFest ซึ่งเป็นงานประจำปีที่จัดโดยกลุ่มอนุรักษนิยม Turning Point กล่าวว่า "ผมคิดว่าเราต้องเริ่มพิจารณากันแล้ว เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ เราใช้ TikTok และได้รับการตอบรับที่ดีมาก มียอดผู้เข้าชมหลายพันล้านครั้ง หลายพันล้านครั้งแล้ว พวกเขานำแผนภูมิมาให้ผมดู เป็นสถิติใหม่ที่สวยงามมาก และเมื่อผมได้เห็น ก็คิดว่า 'บางทีเราอาจจะต้องเก็บสิ่งนี้ไว้อีกสักพักหนึ่ง”
นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงให้เห็นว่าทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้ TikTok ยุติการให้บริการในตลาดสหรัฐ
เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้ผ่านร่างกฎหมายที่กำหนดให้ ไบท์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok ต้องขายแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ ถึงแม้ว่าซีอีโอของบริษัทจะพยายามเจรจาขอให้ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งศาลฎีกาสหรัฐก็ตกลงที่จะรับฟังคดีดังกล่าว
แต่หากศาลไม่ตัดสินให้ ByteDance เป็นฝ่ายชนะ และบริษัทไม่ยอมขายหุ้น TikTok ก็อาจถูกสั่งห้ามให้บริการในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่าทรัมป์จะสามารถยกเลิกคำสั่งให้ TikTok โอนกิจการที่ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังคงยืนยันว่าการที่จีนควบคุม TikTok นั้นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่
ทางด้าน TikTok ได้โต้แย้งว่ากระทรวงยุติธรรมให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแอปโซเชียลมีเดียกับจีน โดยชี้แจงว่าระบบแนะนำเนื้อหา และข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ในสหรัฐอเมริกาบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่ดำเนินการโดยบริษัท Oracle Corp นอกจากนี้ การตัดสินใจเกี่ยวกับการตรวจสอบเนื้อหาที่มีผลต่อผู้ใช้ในสหรัฐ ก็ดำเนินการภายในประเทศสหรัฐทั้งหมด
อ้างอิง Reuters
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์