"กัมพูชา" มั่นใจ CPF ปฏิบัติต่อแรงงานทุกคนเสมอภาคเท่าเทียม
CPF สร้างความมั่นใจรัฐบาลกัมพูชา ยึดแนวทางการปฏิบัติที่ดีต่อพนักงานทุกคน สอดคล้องกฎหมายและข้อกำหนดมาตรฐานสากล พร้อมส่งเสริมพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานทุกคน
นายปรีดา จุลวงษ์ รองประธานกรรมการ ซี.พี. กัมพูชา และ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือซีพี-ซีพีเอฟ เข้าพบและประชุมกับ นายอิต ซอมเฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ ประเทศกัมพูชา เพื่อรายงานความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจของ ซี.พี.กัมพูชา รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติด้านแรงงานของบริษัทฯ
นายอิต ซอมเฮง กล่าวว่า การลงทุนและดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟในประเทศกัมพูชา ผ่าน บริษัท ซี.พี.กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อการสร้างงานสร้างอาชีพ และสร้างโอกาสให้ประชาชนชาวกัมพูชา นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังได้จัดจ้างชาวกัมพูชาจำนวนมากทำงานในประเทศไทย ซึ่งช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศกัมพูชาอย่างมาก
นายอิต ซอมเฮง กล่าวว่า ซีพีเอฟ และ ซี.พี.กัมพูชา ยังเป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการด้านแรงงานตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง ให้ความสำคัญกับการจัดจ้างแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยึดมั่นตามแนวปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และสนับสนุนให้บริษัทเดินหน้าขยายการลงทุนในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
นายปรีดา จุลวงษ์ กล่าวว่า ซี.พี.กัมพูชาได้ดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชามาเป็นระยะเวลา 26 ปี และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจในกัมพูชามาโดยตลอด ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลกัมพูชารวมทั้งกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ บริษัทฯ ยึดมั่นในการปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมตามหลักสากล รวมถึงสนับสนุนให้มีการพัฒนาทักษะฝีมือและขีดความสามารถแรงงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ร่วมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรและยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อุปทานแก่ผู้บริโภคชาวกัมพูชา
นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ให้ข้อมูลกับรัฐมนตรีอิต ซอมเฮง ว่า ปัจจุบัน สถานประกอบกิจการของซีพีเอฟในประเทศไทย มีการจัดจ้างแรงงานต่างชาติจำนวน 8,042 คน และยังต้องการแรงงานเพิ่มอีก 2,000 อัตรา โดยซีพีเอฟมีนโยบายการจัดจ้างแรงงานต่างชาติ
รวมทั้งชาวกัมพูชาเป็นพนักงานของบริษัทฯ โดยตรง มีกระบวนการจ้างเป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่สำคัญแรงงานทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมรวมถึงค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ และทักษะที่จำเป็นในการทำงาน และมีขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ก้าวทันกับสถานการณ์
ซีพีเอฟยังได้ร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (Labour Protection Network Foundation) ในการดำเนินโครงการช่องทางรับฟังเสียงพนักงาน Labour Voice Hot Line by LPN ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานได้แจ้งเรื่อง หรือขอคำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ในภาษากัมพูชา และภาษาเมียนมา รวมถึงการอบรมให้ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยและสุขอนามัยในการทำงาน ส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิแรงงาน
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซีพีเอฟมีมาตรการความปลอดภัยและสุขอนามัยเพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงานทุกคนรวมถึงพนักงานชาวกัมพูชาให้มีความปลอดภัยจากโรคระบาดตั้งแต่การเดินทาง
พร้อมกันนี้ คณะผู้บริหารของซีพีเอฟและซี.พี.กัมพูชา ยังได้ลงพื้นที่ในจังหวัดกัมปอต เพื่อเยี่ยมชาวกัมพูชาที่เคยมาทำงานกับซีพีเอฟในประเทศไทย ซึ่งทุกคนกล่าวว่าภูมิใจที่ได้มาทำงานร่วมกับซีพีเอฟ และมีส่วนช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น และยินดีที่จะกลับมาทำงานกับซีพีเอฟอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแนวทางในการสนับสนุน และส่งเสริมการศึกษาผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในประเทศกัมพูชา และประเทศไทย เพื่อต่อยอดการศึกษาให้แก่นิสิต-นักศึกษาชาวกัมพูชาได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาในประเทศไทย และกลับไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศกัมพูชาต่อไป