พลังงานพุ่งดัน "เงินเฟ้อ" สูงเดือนเม.ย.ขึ้นต่อเนื่อง
"เงินเฟ้อ" เดือน เม.ย.เพิ่ม 4.65% ผลจากราคาพลังงงาน อาหารสด มาตรการควำบาตรของรัสเซีย แต่ต่ำกว่าเดือนเม.ย.เนื่องจากฐานที่ปีแล้วสูง คาดเงินเฟ้อ เดือนพ.ค. 2565 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ "เงินเฟ้อ" เดือนเม.ย. 2565 เท่ากับ 105.15 ขยายตัว4.65 %
ปัจจัยหลักยังคงเป็นราคาพลังงาน อาหารสด และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารสำเร็จรูปสูงขึ้น และส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตร ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิต การค้า และการขนส่ง ราคาสินค้าและบริการในประเทศจึงปรับสูงขึ้น และส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้นในที่สุด ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับหลายประเทศที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ราคาต้นทุนหรือราคาหน้าโรงงานของไทยที่สูงขึ้นค่อนข้างมาก สะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิต ที่สูงขึ้นถึง12.8% ยังไม่ส่งผ่านไปยังราคาขายปลีกมากนัก เนื่องจากมาตรการของภาครัฐ และความต้องการที่ยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 โดยมีรายละเอียด
สำหรับสินค้าสำคัญที่ทำให้ "เงินเฟ้อ" อยู่ที่ระดับ 4.65% อาทิ สินค้าในกลุ่มพลังงาน สูงขึ้น 21.07 % ส่งผลให้สินค้าในหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร สูงขึ้น 10.73 % โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และส่งผลให้ค่าโดยสารสาธารณะปรับสูงขึ้นตาม หมวดเคหสถาน สูงขึ้น 0.98 % จากการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ราคาปรับสูงขึ้นเนื่องจากสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาและเริ่มปรับราคาสูงขึ้นแบบขั้นบันได 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือนเม.ย. – พ.ย. 2565
สินค้าในกลุ่มอาหาร สูงขึ้น 4.83 % จากการสูงขึ้นของอาหารสดในกลุ่มปศุสัตว์ อาทิ ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ราคาเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนการเลี้ยง ผักสดบางชนิด ซึ่งปรับขึ้นตามสภาพภูมิอากาศ และปริมาณผลผลิต ส่วนน้ำมันพืช ราคาปรับสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้ อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น)) ปรับขึ้นเล็กน้อย
สินค้าอื่น ๆ ที่ปรับสูงขึ้น อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู ยาสีฟัน สบู่ถูตัว) เนื่องจากหมดโปรโมชั่นลดราคาแต่ราคาสินค้ายังไม่เกินช่วงแนะนำ
แนวโน้มอัตรา "เงินเฟ้อ" เดือนพ.ค. 2565 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับมาตรการตรึงราคาและการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ได้สิ้นสุดลงในเดือนเม.ย.และปลายเดือนพ.ค. และการปรับราคาสูงขึ้นแบบขั้นบันไดของก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ในเดือนเม.ย. - พ.ค. 2565 รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ
นอกจากนี้ ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลก มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และพันธมิตร และการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ยังคงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้เงินเฟ้อของประเทศสูงขึ้นได้ในระยะต่อไป ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ปี 2565 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 4.0 - 5.0^% ค่ากลางอยู่ที่ 4.5 % ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง