นายกฯสั่ง กพช.เร่งทำแผนลดก๊าซเรือนกระจก หนุนอุตสาหกรรม BCG
'ประยุทธ์' นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ด กพช. สั่งเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก ขอทุกคนร่วมมือประหยัดพลังงาน-เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้มากขึ้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมครั้งที่ 3/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุม กพช. เพื่อเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศโดยการจัดหาพลังงานสะอาดตามแผน BCG ซึ่งครอบคลุมการผลิตไฟฟ้าจากขยะด้วยเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมไปถึงการใช้พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ ตลอดจนพลังงานน้ำจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งครอบคลุมทุกมิติ โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเร่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net-Zero Carbon Emission ของประเทศไทยให้ได้ร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือปี พ.ศ. 2573 ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้แล้วต่อการประชุม COP26
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์พลังงานขณะนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันประหยัดพลังงานควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้มากขึ้น โดยหน่วยงานรัฐจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการประหยัดพลังงานของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้เสนอมาตรการการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรีแล้ว
โดยให้มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมีการประเมินผล โดยต้องลดใช้พลังงานให้ได้ร้อยละ 20 จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม แล้วรายงานผลผ่านช่องทางตามที่กำหนดภายในห้วงเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียืนยันทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการทั้งที่ผ่านมาและปัจจุบันทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น และมีเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ จึงขอเน้นย้ำให้ทุกคนในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติให้ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ คุ้มค่า และอย่าให้ถูกนำไปบิดเบือนโดยเด็ดขาด ต้องมีการชี้แจงตอบคำถามให้ได้และดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ดำเนินการโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ตามแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ว่า เป็นการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการผลิตพลังงานทดแทนเพื่อการเกษตร และโครงการระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสาน
โดยใช้งบประมาณภาครัฐดำเนินการตามแผน PDP เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ระบบไฟฟ้าฐานเข้าไม่ถึงได้มีไฟฟ้าใช้ในการดำเนินชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า และบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานทดแทนต่อปริมาณการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศ สร้างสังคมคาร์บอร์ต่ำ และยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ รวมทั้งทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สาหรับปี 2565 ภายใต้แผน PDP 2018 Rev.1 เป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ ที่ผ่านมาการกำจัดขยะส่วนใหญ่ใช้วิธีฝังกลบส่งผลกระทบต่อการจัดหาพื้นที่ในการกำจัดขยะ
ดังนั้น การกำจัดขยะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเผาขยะแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากทำให้ปริมาณขยะลดลงอย่างรวดเร็ว และเป็นการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกด้วย อย่างไรก็ตามการดำเนินโครงการดังกล่าว ต้องให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์และดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ ที่ประชุม กพช. ได้เห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ใช้สำหรับ 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ และกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2568 – 2569 โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการออกระเบียบและประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565 ภายใต้แผน PDP2018 Rev.1
พร้อมกันนี้ กพช. รับทราบแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 - 2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev. 1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม) รวมทั้งเห็นชอบหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและข้อเสนออัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff สำหรับปี พ.ศ. 2565 - 2573 สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการออกระเบียบ ประกาศการรับซื้อไฟฟ้าและกำกับดูแลการคัดเลือกตามขั้นตอนต่อไป