ก่อน "ซื้อบ้าน" ต้องเข้าใจ "ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" ทำอย่างไรให้ประหยัดภาษี
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผน "ซื้อบ้าน" ไม่ว่าจะเป็น "บ้านหลังแรก" หรือหลังที่สอง..ที่สาม ต้องอัปเดต "ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" ที่เริ่มบังคับใช้แล้ว ว่า ครอบครองบ้านหรือที่ดินกรณีไหน ต้องเสียภาษีเท่าไร รวมถึงทำอย่างไรให้ประหยัดภาษีได้มากที่สุด
เพราะ “บ้านคือวิมานของเรา” อาจจะจริงอย่างที่ใครต่างพูดไว้ แม้จะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงใช้ประโยคนี้ได้เสมอ แต่การมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง ต้องเสียเงินเสียทอง รายจ่ายมากมาย ที่สำคัญ "บ้าน" ถือเป็น "สิ่งปลูกสร้าง" ที่ผู้ครอบครองมีหน้าที่ต้องเสียภาษีด้วย
โดยเจ้าของทรัพย์สินประเภทที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้าน อาคารต่างๆ และอาคารชุดหรือคอนโด จะต้องเสียภาษีแตกต่างกันไป โดยประเมินจากลักษณะการเป็นเจ้าของ มูลค่าสิ่งปลูกสร้างตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ประโยชน์ในการนำไปใช้งาน
ดังนั้น หากใครที่กำลังมองหาบ้านหลังแรกหรือหลังที่ 2 ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวเฮาส์ คอนโด ห้องชุด หากการครอบครองสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ตรงตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอยู่ที่เท่าไร
ใครอยากเป็นเจ้าของบ้านสักหลัง ซื้อที่ดินไว้สร้างบ้านสักแปลง กฎหมายได้กำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.การประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.01-0.1 (บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของได้รับยกเว้น 3 ปี คือ พ.ศ.2563-2565)
2.ที่อยู่อาศัย อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.02-0.1 แยกย่อยได้คือ
- ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.03-0.1
- สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.02-0.1
- ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยกรณีอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้ว อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.02-0.1
3.การใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน ร้อยละ 0.3-0.7
4.ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่จัดเก็บ ร้อยละ 0.3-0.7
- วิธีการเลือกซื้อบ้านให้ประหยัดภาษี
เนื่องจาก ภาษีสิ่งปลูกสร้าง กฎหมายได้กำหนดไว้ว่าลักษณะใดบ้างที่ต้องเสียภาษีและได้รับการยกเว้น ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ดังนั้น ผู้ที่อยากจับจองเป็นเจ้าของบ้าน หรือซื้อที่ดินไว้ปลูกบ้านเป็นของตนเอง สามารถวางแผนการซื้อเพื่อให้ประหยัดภาษีได้ ดังนี้
1.เลือกซื้อ "บ้านหลังแรก" มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ตามกฎหมายกำหนดว่า มูลค่าบ้านไม่เกิน 10 ล้านบาท ซื้อเป็นบ้านหลังแรกที่เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง อย่างเช่น คอนโด จะได้รับการยกเว้นภาษี
2.เลือกซื้อ "บ้านหลังแรก" มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามกฎหมายกำหนดว่า มูลค่าบ้านไม่เกิน 50 ล้านบาท ซื้อเป็นบ้านหลังแรกที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้านเดี่ยว ทาวเฮาส์ ทาวโฮม จะได้รับการยกเว้นภาษี
3.ซื้อ "บ้านหลังที่ 2" ขึ้นไป ให้ลงเป็นชื่อของลูกหลาน เนื่องจากการซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป มูลค่าบ้าน 0-50 ล้านบาท ต้องเสียภาษีที่ 0.02% ดังนั้น เพื่อให้ได้รับการยกเว้นภาษี จึงควรลงชื่อเป็นของลูกหลานให้กลายเป็นบ้านหลักแรก และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะช่วยประหยัดภาษีได้
- จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องเสียภาษีสิ่งปลูกสร้าง
โดยปกติผู้ที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะมีใบประเมินที่ประเมินภาษีที่ต้องเสีย ส่งเป็นเอกสารมาให้ที่บ้านภายในเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปี ซึ่งผู้ได้รับสามารถนำไปจ่ายภาษีภายในวันที่ 30 เมษายนของปีนั้น โดยไม่ต้องยื่นเอกสารหรือกรอกข้อมูลอะไรอีก โดยเริ่มนับความเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือทำประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทุกวันที่ 1 ของทุกปี
กล่าวคือ ผู้ที่เสียภาษีที่ดิน จำเป็นต้องเป็นผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น เช่น ในกรณีที่ซื้อบ้านวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2564 จำเป็นต้องเสียภาษีในปี พ.ศ.2565 เนื่องจากถือว่าได้ครอบครองในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2565
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง สามารถเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยต้องมีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของด้วย
-----------------------------------
Source : Inflow Accounting
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่