“พลังงาน” ดรีมทีมเร่งหามาตรการช่วยเหลือค่า “น้ำมัน-ไฟ” ประชาชน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปัญหาราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบวงกว้างต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ตนได้สั่งการให้ผู้บริหารที่อยู่ในสังกัดภายใต้กระทรวงพลังงาน รวมถึงรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งนำเสนอมาตรและวางแนวคิดเห็นใหม่ๆ เป็นทางเลือกมานำมาเสนอ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน โดยเร็วที่สุด

สำหรับประเด็นราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังมีความผันผวนโดยเฉพาะการหามาตรการตรึงน้ำมันดีเซลเพื่อไม่ให้เกินราคาลิตรละ 32 บาท ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดูแลมาตลอด ทั้งการอุดหนุนเม็ดเงินโดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาสนับสนุน รวมถึงการลดภาษีลงลิตรละ 3 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งการจะต่อภาษีอีกเท่าไหร่ หรือไม่อย่างไร กระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณา เพราะตัวเม็ดเงินช่วยเหลือกระทรวงการคลังจะรู้ดี

ส่วนโครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สำหรับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (วินเซฟ) ช่วยเหลือค่าน้ำมัน 3 เดือน (พ.ค. -ก.ค. 2565) ในรูปแบบรัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 ไม่เกิน 50 บาท/คน/วัน และไม่เกิน 250 บาท/คน/เดือน ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งได้เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2565 นั้น อยู่ระหว่างดูผลการตอบรับของประชาชนที่มาจากการประเมินดูว่าส่วนเพิ่มที่รัฐบาลให้มานี้มากน้อยแค่ไหน ถือเป็นหน้าที่ของวินมอเตอไซค์รับจ้าง เพื่อไม่ให้ไปกระทบกับผู้โดยสาร เป็นการช่วยเหลือประชาชน ยืนยันว่าจำนวนเงินที่สนับสนุนเป็นตัวเลขที่สมดุล รัฐบาลมั่นใจในตัวเลขที่อยู่ในพื้นฐานคำนวนวิทยาศาสตร์ 

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในเรื่องของค่าไฟฟ้าที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพ.ค.- ส.ค. 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4.00 บาทต่อหน่วยทันที

อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงิน 1,724.95 ล้านบาท ในมาตรการให้ส่วนลดค่าFt แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน (พ.ค.-ส.ค. 2565) โดยผู้ใช้ไฟฟ้าในเกณฑ์ดังกล่าวจะได้ส่วนลดค่าเอฟที ที่ 0.2338 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาพวงกว้างในการแก้ปัญหาค่าไฟแพงนั้น มองว่าในช่วงนี้ราคา LNG ตลาดโลกอ่อนตัวลงในระดับ 21-23 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากช่วงปลายปี 2564-ต้นปี 2565 ที่ราคาสูงถึง 30-40 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ดังนั้น กกพ. จะต้องหาวิธีพิจารณาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในช่วงนี้ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้งซึ่งจะส่งผลให้ราคา LNG ตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกครั้ง จากความต้องการใช้งาน

“แม้ว่าช่วงนี้ราคา LNG นำเข้าจะลดลงมาแต่ก็ถือว่าไม่ใช่ราคาที่ถูกมาก แต่หากนำเข้าในช่วงนี้ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่หน่วยละ 4-5 บาท ซึ่งเทียบกับช่วงต้นปีแล้วราคาอยู่ที่หน่วยละประมาณ 7 บาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ได้มีมติตามหลักเกณฑ์การคำนวณและการดำเนินการเกี่ยวกับราคาก๊าซธรรมชาติของกกพ. ในเรื่องของ Energy Pool Price ในช่วงสถานการณ์ราคาพลังงานที่มีความผันผวน โดยให้โรงไฟฟ้าใช้วิธีการผสมผสานระหว่างเชื้อเพลิง LNG น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา ในการผลิตไฟฟ้า ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกลงในแต่ละช่วงเวลามาแก้ปัญหา”

นอกจากนี้ กกพ.ได้รายงานความคืบหน้าคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (เทอร์มินอล 2) ต.หนองแฟบ จ.ระยอง ขนาด 7.5 MTPA โดยการลงทุนร่วมกันของ ปตท.และกฟผ. มูลค่าการลงทุน 41,400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองใช้งาน โดยจะเปิดใช้งานจริงได้ในเดือนมิ.ย. 2565 เพื่อมีคลังรองรับผู้นำเข้าก๊าซฯ ในช่วงที่ราคาตลาดโลซีซั่น ซึ่งผู้นำเข้า LNG ก็ให้พิจารณาการซื้อ LNG เก็บไว้แล้วทำประกันความเสี่ยงด้านราคา (Hedging) เป็นต้น

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ครม.ทำงานเต็มที่ ให้คิดอยู่เสมอว่าเป็นการช่วยชาติ สิ่งที่ต้องนำเข้ามาทั้งหลาย เป็นต้นทุนค่าไฟฟ้า วันนี้จะต้องเจ็บปวดทั้งโลกเพราะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งรัฐบาลพยายามช่วยเหลือ โดยเริ่มนโยบายการพึ่งพาตนเองมากขึ้น รวมถึงมีพลังงานสะอาดใช้ในประเทศมากขึ้น เพื่อคนรุ่นหลัง ต้องยอมรับว่าปี 1973 เกิดวิกฤตด้านราคาพลังงาน หนักกว่าตอนนี้เยอะ เราไม่มีแก๊สธรรมชาติเลย ราคาสูง 4 เท่าตัว ก็ผ่ามาได้ และสร้างอนิสงค์มายังรุ่นหลัง เราจึงต้องยอมรับในสถานการณ์นี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้คนรุ่นถัดไป”