หอการค้าไทยนำทัพภาคธุรกิจไทยลุยซาอุ ฯเปิดประตูการค้า
สัมพันธ์ไทย-ซาอุ ฟื้น เอกชนเดินหน้าสานต่อ บินลัดฟ้าสู่ซาอุฯครั้งแรกในรอบ 32 ปี หวังดันมูลการค้าแตะ 1.5 แสนล้านบาท
ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบียกลับมาอีกครั้งภายหลังการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีตามคำเชิญของมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณฟื้นการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปซาอุดิอาระเบีย ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 6.2% จากปี 2564 ที่มีการส่งออกมูลค่า 51,500 ล้านบาท สินค้าที่มีโอกาสในการส่งออก เป็นเป็นหมายในการผลักดันเพื่อทำรายได้เข้าประเทศ มีจำนวน 3 กลุ่ม คือ เกษตร อุตสาหกรรม และบริการ
นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นเวทีเจรจาการค้าระหว่างกันอย่างเป็นทางการ และนำไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกันในอนาคต
ขณะที่ภาคเอกชนมองว่า การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุ จะเป็นโอกาสทองในการขยายการค้าการลงทุนในซาอุฯและยังจะเป็นประตูไปสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อสูง ล่าสุดหอการค้าไทยเตรียมเดินทางไปยังซาอุในระหว่างวันที่ 15-18 พ.ค.โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้นำคณะ ซึ่งมีกำหนดการเยือนกรุงริยาด เมืองอัลอูร่าห์ และเมืองเจดดาห์
สำหรับภาคเอกชนที่เข้าร่วมคณะฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนในสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพกว่า 38 บริษัท อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประกอบโครงสร้างพื้นฐาน เกษตรและอาหาร พลังงานและเคมีภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ การบิน เทคโนโลยีและดิจิทัล อัญมณีและเครื่องประดับ ท่องเที่ยวและบริการ ธุรกิจสุขภาพ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเดินทางอย่างเป็นทางการของรัฐและเอกชนครั้งแรกในรอบ 32 ปี โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าและผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในทุกมิติ และการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์
การเดินทางครั้งนี้จะะมีการลงนาม MOU ระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะหอการค้าไทย จะมีการลงนาม MOU กับหอการค้าซาอุดีอาระเบียด้วย เพื่อหาโอกาสในการทำธุรกิจจัดกิจกรรม B2B Meeting เพื่อให้นักธุรกิจทั้งสองประเทศ ได้มีการติดต่อเจรจาธุรกิจระหว่างกันตาม sector ต่างๆ
“ในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปยังซาอุฯ ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเพียง 0.6% ของการส่งออกทั้งหมดจากไทย แต่คาดว่าหลังจากการเดินทางเยือนครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนการส่งออกกลับมาอยู่ที่ 2.2% ซึ่งเคยเป็นสัดส่วนในปี 2532 โดยปริมาณการค้าดังกล่าว จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และจะมีการลงทุนระหว่างกันเพิ่มเติมแน่นอน”นายสนั่น แสดงความมั่นใจ
ไม่เพียงหอการค้าไทยเท่านั้นที่เดินทางไปซาอุฯ ทางสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ก็มีแผนเดินทางไปเปิดตลาดซาอุฯ เช่นกัน โดย”ชัยชาญ เจริญสุข” ประธานสรท. เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.2565 จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ นำคณะนักธุรกิจส่งออกของไทยเดินทางไปยังซาอุดีอาราเบีย 3 เมืองหลัก คือ เจดดาห์ ,ริยาดและ ดัมมัม เพื่อเจรจาจับคู่กับการค้ากับผู้นำเข้าซาอุดิอาราเบีย โดยอยู่ระหว่างประสานงานกับทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ
เบื้องต้นตั้งเป้าหมายส่งออก 4 กลุ่มสินค้าสำคัญ คือ 1.อาหารฮาลาล 2.ชิ้นส่วนยายนต์และอุปกรณ์ 3.สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป และ4.สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อนเคยเป็นตลาดหลักของไทย ซึ่งขณะนี้มีผู้ส่งออกไทยรวม 30 บริษัท ที่สนใจที่จะร่วมในครั้งนี้ โดยปลายเดือน เม.ย.2565 สภาฯจะหารือร่วมกับเอกชนไทย30บริษัท เพื่อกำหนดเป้าหมายและมูลค่าการค้ารวมที่คาดว่าจะได้รับต่อไป
ท่ามกลางวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การเดินทางสู่ซาอุของภาคเอกชนครั้งนี้ จะช่วยปูทางและสร้างโอกาสภาคเอกชนไทยในแสวงหาความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว พร้อมกับเปิดตลาดใหม่ ๆในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่มีพี่ใหญ่อย่าง"ซาอุ"เป็นตัวหอกสำคัญ