CENTEL มีทั้งปัจจัยบวกและลบรออยู่ข้างหน้า คงคำแนะนำถือ
occupancy เร่งตัวขึ้นอย่างน่าประทับใจเป็น 50% ในเดือนเมษายน 2565 (จากเฉลี่ย 29% ใน 1Q65) จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงแรมในทุกทำเลที่ตั้ง โดยเฉพาะ i) หัวหิน และพัทยาซึ่ง occupancy สูงกว่า 60% และ ii) มัลดีฟส์ ซึ่ง occupancy ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 70%
ผู้บริหารคาดว่า occupancy รวมอาจจะลดลงเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม 2565 ตามปัจจัยฤดูกาลของโรงแรมที่มัลดีฟส์
เดินหน้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมในปี 2566-68F
CENTEL ยังคงตั้งงบลงทุน (CAPEX) รายปีเอาไว้ที่ 3-4 พันล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่บริษัทมีแผนจะเปิด i) Centara grand Hotel Osaka (515 ห้อง) ในปี 2566F ii) โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของหนึ่งแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ (130 ห้อง) ในปี 2568F และ ii) โรงแรมสองแห่งในมัลดีฟส์ ในช่วงปี 2568-69F ในขณะเดียวกัน งบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่งโดยมีสัดส่วน D/E อยู่ที่ 0.9x ใน 1Q65 (ในขณะที่ debt covenant อยู่ที่ 2.0x)
SSSG จะยังเป็นบวกต่อเนื่องใน 2Q65F
Same-store-sales growth (SSSG) ออกมาน่าประทับใจที่ 20% ในเดือนเมษายน และคาดอยู่ที่ 30% ในเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลของฐานที่ต่ำ (Figure 2) เราคาดว่าโมเมนตั้มของยอดขายจะเป็นบวกต่อเนื่องใน 2Q65F จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น
Margin ของธุรกิจอาหารถูกกดดันอย่างไม่มีทางเลี่ยง
เราเชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อทางด้านต้นทุนจะยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเนื่องไปตลอดปีนี้ ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารใน 1Q65 อยู่ที่ 45.8% (เปรียบเทียบกับสมมติฐานของเราทั้งปีที่ 46.3%) ซึ่งหมายความว่าประมาณการ ปี 2565F ของเรายังมีความเสี่ยงด้าน downside อยู่ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำการส่งผ่านต้นทุนไปที่ราคาขายแล้ว และจะปรับโปรโมชั่นใหม่เพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
Valuation & action
ถึงแม้ว่ายอดขายจะมีแนวโน้มสดใสตลอดปีนี้ แต่เราเชื่อว่าประเด็นเรื่อง margin ที่ถูกกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจอาหาร อาจกระทบ sentiment ราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลาง ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 43.50 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2566F ที่ 14.6x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +1.0 S.D. ทั้งนี้ เราได้ทำการ discount ราคาเป้าหมายปี 2566F กลับมาหนึ่งปี โดยใช้ WACC ที่ 9.3%
Risks
SSSG ฟื้นตัวช้า และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าที่คาดไว้