"จีน" จ่อคลายล็อกดาวน์ "เซี่ยงไฮ้" หุ้นตัวไหนได้รับประโยชน์?
จีนใช้นโยบาย “Zero Covid” หรือ “โควิดเป็นศูนย์” เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยประกาศปิดเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจหลายแห่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งฮ่องกง, เสิ่นเจิ้น, เซี่ยงไฮ้ และบางพื้นที่ของเมืองหลวงกรุงปักกิ่ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งดูเหมือนว่ายาแรงนั้นได้ผล ล่าสุดทางการจีนเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว
โดยเซี่ยงไฮ้ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีจำนวนประชากรมากกว่า 25 ล้านคน หลังถูกล็อกดาวน์มากว่า 7 สัปดาห์ ขณะนี้ทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม หลายธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านมากขึ้น
โดยทางการจะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงและจะยกเลิกทั้งหมดในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ สถานการณ์ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมืองจะกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้ง กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เคยหยุดชะงักกลับมาเริ่มต้นใหม่
แน่นอนว่านอกจากจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจีนแล้ว น่าจะส่งผลทางอ้อมมาถึงประเทศไทยด้วย เพราะจีนถือเป็นตลาดหลักของไทย และยังมีบริษัทไทยหลายแห่งเข้าไปตั้งฐานการผลิตในเซี่ยงไฮ้
ส่วนในระยะถัดไปต้องรอติดตามว่ารัฐบาลจะอนุญาตให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศได้เมื่อไหร่? ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลา่ดอันดับ 1 ของไทย โดยเมื่อปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีคนจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเกือบ 11 ล้านคน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า จีนควบคุมโควิดได้ดี ทำให้เกิดความคาดหวังจะได้เห็นการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต้นเดือนมิ.ย. นี้ ถือเป็นแรงหนุนต่อราคาน้ำมันดิบโลก เนื่องจากจีนถือเป็นผู้บริโภคน้ำมันใหญ่ที่สุดของโลก
ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และหุ้นพลังงานตัวอื่นๆ ที่ราคายัง Laggard ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC
นอกจากนี้ ในระยะถัดไปยังเป็นแรงหนุนต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แนะนำ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งมีสัดส่วนธุรกิจอาหารในจีนคิดเป็น 20% ของธุรกิจอาหารทั้งหมด
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า การยกเลิกล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ของจีนจะหนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. นี้ เป็นต้นไป
การขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศจะคึกคักขึ้น เป็น Sentiment เชิงบวกกับหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่ได้อานิสงค์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นโดยตรง
รองลงมาเป็นกลุ่มโรงกลั่นที่จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันต่อในไตรมาส 2 ปี 2565 รวมถึงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ถือหุ้นทั้งในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และโรงกลั่น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว ดังนั้นการเข้าซื้อรอบใหม่ควรเน้นเป็นการเก็งกำไรในช่วงสั้นๆ
ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า หากจีนยุติล็อกดาวน์เมื่อไหร่ คาดว่าอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงก่อนหน้านี้ (Pent-up Demand) ของภาคการขนส่งจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
โดยนับตั้งแต่ต้นปี ค่าระวาง Shanghai Containerized Freight Index (SCFI) ปรับตัวลงมา 18% ทั้งจากปัจจัยฤดูกาลที่มีช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน และยังมาเจอมาตรการล็อกดาวน์ของจีน
โดยคาดว่าค่าระวางจะเริ่มฟื้นตัวหลังจีนคลายล็อกดาวน์ อีกทั้งจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลขนส่งในช่วงปลายไตรมาส 2 ไปจนถึงไตรมาส 3 ที่ประเทศต่างๆ จะเริ่มมีการตุนสินค้าสำหรับเทศกาลสิ้นปี จึงมองว่าค่าระวางจะยืนสูงตลอดทั้งปี
ฝ่ายวิจัยคงน้ำหนักการลงทุน “กลุ่มเดินเรือและขนส่ง” เป็น “Overweight” โดย Top picks ของกลุ่มได้แก่ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO, บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE และ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA