คลังส่อเค้าเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้นชี้เศรษฐกิจฟื้นไม่เต็มที่

คลังส่อเค้าเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้นชี้เศรษฐกิจฟื้นไม่เต็มที่

คลังส่อเค้าเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น หลังเฟทโก้ยื่นหนังสือขอชะลอ “อาคม”ระบุ การเก็บภาษีดังกล่าวต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่ ขณะนี้ เศรษฐกิจยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทยหรือเฟทโก้ที่ขอให้ชะลอแนวทางการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นหรือ Transaction Financial Tax ซึ่งกระทรวงการคลังก็รับฟังปัญหา โดยการจัดเก็บภาษีดังกล่าวก็จำเป็นต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจที่เหมาะสม กล่าวคือ เศรษฐกิจจะต้องเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

“การจะนำภาษีดังกล่าวมาใช้ จำเป็นต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ เศรษฐกิจของเราค่อยๆฟื้นตัว โดยภาคการส่งออกที่เป็นเครื่องจักรที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยยังทำได้ดี ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไปมากกว่า 90% ในช่วงที่ผ่านมานั้น ในปีนี้หลังจากที่ประเทศคลายล็อกดาวน์ คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในปีนี้ราว 7 ล้านคน”

ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าว ซึ่งเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะคิดในอัตรา 0.1% และเมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น ที่จัดเก็บในอัตรา 10% ของ 0.1%  จะทำให้มีภาระภาษีรวม 0.11 % ของยอดขาย

เขากล่าวด้วยว่า ในช่วงนี้ทุกประเทศยังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่มาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นตาม กระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว

นายอาคมยังกล่าวอีกว่า เขาเตรียมตัวที่จะร่วมเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่นายก จะร่วมกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Nikkei Forum เพื่อความร่วมมือในการรับมือ และก้าวข้ามผ่านความท้าทายร่วมกัน วันที่ 26-27 พ.ค.นี้ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เขากล่าวว่า ตนในฐานะรมว.คลัง จะสนับสนุนข้อมูลให้กับนายกรัฐมนตรี ในการอธิบายว่า ประเทศไทยดำเนินนโยบายเพื่อต่อสู้กับโควิดอย่างไร และในอนาคตนโยบายของเรามีความชัดเจนว่าจะมุ่งสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนนโยบาย BCG

เขากล่าวอีกว่า ขณะนี้ ประเทศทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูง สำหรับประเทศไทย จากการรายงานของไอเอ็มเอฟเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมานี้ ไทยไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับเงินเฟ้อที่สูงสุด แต่เราอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับเงินเฟ้อที่ต่ำสุด โดยต่ำกว่า 5%

เขากล่าวว่า การประคองภาวะเงินเฟ้อในประเทศนั้น ในระยะสั้น เป็นการช่วยเหลือเป็นการเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น การช่วยเหลือกลุ่มวินมอเตอรไซด์รับจ้างเป็นต้น ,ส่วนในระยะยาวนั้น มุ่งสู่การพัฒนาพลังงานทดแทน และ Clean Energy

สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตนั้น จะเป็นการนำ Digital มาใช้ ซึ่งภาครัฐได้นำเทคโนโลยีมาใช้กับภาคธุรกิจ เช่น การยื่นแบบภาษีประจำปีของกรมสรรพากร และในอนาคต จะส่งเสริม Start up ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

เขากล่าวอีกว่า ในช่วงสองปีที่โลกต้องเผชิญกับโควิดอย่างหนัก ทุกประเทศได้ใช้นโยบายการคลัง เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยการกู้เงิน แต่เมื่อโควิดเริ่มคลี่คลาย โลกก็มองไป ที่การใช้นโยบายการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยนั้น แม้มีการใช้จ่ายเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจที่สูง แต่ไม่ใช่ประเทศที่ใช้จ่ายสูงที่สุด

ขณะเดียวกัน สถาบันจัดอันดับเครดิตระหว่างประเทศหลายแห่งก็ยังมองว่าฐานะการคลังของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ