บลจ.ทาลิส จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย ชี้ ปัจจัยบวกหนุนหุ้นตลาดไทย
บลจ.ทาลิส จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย ในอัตรา 0.375 - 0.50 บาทต่อหน่วย พร้อมกันในวันที่ 27 พ.ค. 65 ประเมินปัจจัยบวกหนุนหุ้นตลาดไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเปิดประเทศ และมีการท่องเที่ยว ทำให้ผลประกอบการ บจ.ฟื้นตัว
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 2 สำหรับ 2 กองทุนหุ้นไทย ได้แก่ กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D) ในอัตรา 0.375 บาทต่อหน่วย รอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึง 30 เมษายน 2565
สำหรับกองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย รอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ถึง 30 เมษายน 2565 โดยกำหนดการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เวลา 08.00 น.และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565
โดยทั้งสองกองทุนดังกล่าวได้มีการปิดสมุดทะเบียนไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 และจ่ายปันผลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 คือ กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D) ในอัตรา 0.125 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย
นายประภาส กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมตลาดหุ้นว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะเผชิญแรงขายจากนักลงทุนซึ่งเกิดจากความกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ จากปัจจัยเงินเฟ้อ และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา และผลกระทบของ Covid-19 ที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น ด้านผลประกอบการของ บจ. มีแนวโน้มฟื้นตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับกองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีแนวโน้มที่จ่ายเงินปันผลตามหลักเกณฑ์คัดเลือกที่บริษัทจัดการ กำหนด
โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ บริษัทจัดการมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ ดังนี้ (1) ผลประกอบการทั้งในปัจจุบัน และอนาคตของบริษัทผู้ออกตราสาร (2) การคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลของบริษัทผู้ออกตราสาร โดยผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุน
อีกทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินของบริษัทผู้ออกตราสารเพื่อพิจารณาความสามารถในการจ่ายปันผลในอนาคตอย่างน้อยทุกครั้ง ที่มีการประกาศงบการเงิน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานหรือฐานะทางการเงินของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ผู้จัดการกองทุนก็จะปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสม
ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีปันผล เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในการลงทุนได้สูง และมุ่งหวัง Passive Income จากกระแสเงินสดที่จะได้รับจากเงินปันผล และในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน โดยได้ส่วนเงินปันผลมาแทนส่วนต่างจากราคาหุ้นที่ลดลง
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์