EA ทุ่ม1-2พันล้าน ขยายกำลังผลิต'แบตเตอรี่' เป็น 2 กิกะวัตต์
"อีเอ” เผยปีนี้ จ่อระดมทุนขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 3 หมื่นล้าน ลงทุนธุรกิจอีวี ทุ่ม 1- 2 พันล้าน ขยายกำลังผลิตโรงงานแบตเตอรี่ เป็น 2 เมกะวัตต์ปีนี้ เตรียมส่งตอบรถบัสไฟฟ้า เพิ่ม 1.5-2 พันคัน และมากกว่าปีหน้า 2 พันคัน ส่วนรถบรรทุกไฟฟ้าอยู่ระหว่างเจรจาคาดส่งมอบอีกหลายร้อยคัน
นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 30,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนมิ.ย. - ก.ค. 2565 แก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายดังกล่าวจะนำไปขยายธุรกิจเสริมเข้าไปในอีวีอีโคซิสเต็มท์ (EA Ecosystem)ที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมาก สัดส่วน 40% ของเงินลงทุนทั้งหมด เช่น การเข้าลงทุนธุรกิจปลายน้ำ หรือ อาจจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ ในธุรกิจที่เสริมสร้างกำไรเพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกลับสู่นักลงทุนที่สูงขึ้น
รวมถึงปีนี้บริษัทคาดจะใช้เงินลงทุน 1,000-2,000 ล้านบาท ขยายโรงงานแบตเตอรี่เป็น 2 กิกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 1 กิกะวัตต์
เบื้องต้น เน้นผลิตและจำหน่ายให้บริษัทในเครือของEA ก่อน เพื่อใช้ในการประกอบรถ E-Bus -Truck, E-Ferry เป็นต้น เพื่อพิสูจน์ให้ตลาดยอมรับ หลังจากนั้นจะขายให้กับค่ายรถอีวีอื่นๆ รวมถึงส่งออก โดยบริษัทมีแผนขยายถึง 4 กิกะวัตต์ในปี 2566 ซึ่งบริษัทมีศักยภาพพพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดทั้งในไทยและอาเซียน หลังจากบริษัทได้เปิดตัว โรงงานแบตเตอรี่อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค.25 64
“โรงงานแบตเตอรี่เบื้องต้นเน้นผลิตและจำหน่ายให้บริษัทในเครือ EA ก่อน ไม่ว่าจะเป็น E-Bus, E-Truck, E-Ferry เป็นต้น เพื่อพิสูจน์ให้ตลาดยอมรับ หลังจากนั้นจะขายให้กับค่ายรถอีวีอื่นๆ รวมถึงส่งออก โดยโรงงานแบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 4 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) คาดว่าไม่เกิน 2-3 ปี จะดำเนินการขยายได้ตามเป้าหมาย”
นายวสุ กล่าวว่า ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปีนี้ จะส่งมอบรถบัสไฟฟ้า จำนวน 1,500-2,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่จะส่งมอบจำนวน 1,200 คัน และปี 2566 จะส่งมอบได้เกิน 2,000 คัน ส่วนปีถัดไปจะเติบโตตามใบอนุญาตประกอบกิจการรถขนส่งในประเทศ
และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าเป็นปีละประมาณ 8,000 คันต่อปี ส่วนรถบรรทุกไฟฟ้าอยู่ระหว่างเจรจาการผลิต คาดปีนี้ จะส่งมอบจะหลายร้อยคัน เพื่อต่อยอดอีโคซิสเต็มท์ทั้งระบบ
“รายได้ธุรกิจรถอีวีเติบโตขึ้นตามการจดทะเบียนรถใหม่ โดยเฉพาะรถบัส อยู่ที่ 7,000-10.000 คันต่อปี เชื่อว่า แนวโน้มในอนาคตรถบัสทุกคันจะเปลี่ยนเป็นรถบัสไฟฟ้าทั้งหมด”
ส่วนธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า) มีแผนการขยายใน 2 รูปแบบ คือ ขยายระบบชาร์จให้กับผู้ประกอบการ ติดตั้งในอู่รถเมล์ ฟีทรถบรรทุก และในเมืองจะขยายสถานนีชาร์จ ผ่านในไลฟ์สไตล์ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม ร้านสะดวกซื้อ7-11 ร้านอาหารและคาเฟ่ เพิ่มเติม จากปัจจุบันมีอยู่ในศูนย์การค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ศูนย์บริการรถยนต์ MG
ทั้งนี้บริษัทเป้าหมายปีนี้ ยังคงคาดว่า รายได้เติบโตเกิน 20% จากปี 2564 ที่มีรายได้ 20,558.10 ล้านบาท เพราะไตรมาส 3-4 รายได้จะโตก้าวกระโดด จากรับรู้รายได้ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ คาดดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน หลังเริ่มรับรู้รายได้ส่งมอบรถบัสอีวีเข้ามามากขึ้น
“ ปีนี้จะเป็นปีที่ดีอีกปีของเรา จากผลตอบแทนจากที่ได้ทยอยลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเน้นในธุรกิจอีวี ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และไตรมาส3 และไตรมาส 4 ปีนี้จะเห็นการก้าวกระโดดของรายได้ จากรับรู้รายได้ธุรกิจอีวี”
ส่วนกรณีเทสล่าเข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย มองเป็นบวกผลต่อตลาดรถอีวีในไทยและในอนาคตมีโอกาสที่จะมาร่วมกันในการใช้ระบบชาร์จหรือมีพาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้น