กรมพัฒน์ฯชวนเกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้นมีค่าใช้เป็นหลักทรัพย์ต่อยอดธุรกิจ
กรมพัฒน์ฯ ดึงวิสาหกิจชุมชน ให้ความรู้เชิงลึกแก่สมาชิกเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจและใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อต่อยอดธุรกิจ เผยใช้ไม้ยืนต้นค้ำประกันเงินกู้แล้วมูลค่า 137 ล้านบาท ขณะที่อีอีซีเกือบ 4 แสนบาท
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้เดินหน้าให้ความความรู้กับผู้นำและผู้บริหารกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความรับรู้เกี่ยวกับไม้ยืนต้นที่มีค่าให้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจก่อนที่จะนำข้อมูลที่ได้รับไปถ่ายทอดแก่สมาชิกภายในวิสาหกิจชุมชนให้ได้ทราบถึงรายละเอียด และนำไม้ยืนต้นที่มีค่าที่ปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนหรือต่อยอดธุรกิจการลงพื้นที่ในครั้งนี้
ล่าสุดได้เดินทางไปที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา จ.ระยอง ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนนำร่องที่กรมฯ ต้องการผลักดันให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกเร่งใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ โดยวิสาหกิจชุมชนมีสมาชิกอยู่ประมาณ 135 คน ต้นไม้ที่ปลูก คือ กฤษณา สัก มะค่า ฯลฯ และไม้ผล คือ ทุเรียน เงาะ มังคุด สละ ฯลฯ ถือเป็นไม้มีค่าที่สามารถนำเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้
จากการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทำให้ทราบว่า เกษตรกรและประชาชนให้ความสนใจปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองมากขึ้น หลังจากทราบว่า สามารถนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจหรือใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ และเกษตรกรที่เป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯ ก็พร้อมที่จะนำไม้ยืนต้นที่มีค่าที่ปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยขอทราบถึงรายละเอียดของกฎหมายฯ อย่างชัดเจน และหากต้องการเงินทุนเพื่อลงทุนเพิ่มเติมก็พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากกฎหมายฯ
โดยกรมฯ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าเพื่อสร้างการรับรู้และให้รายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายไว้แล้ว หากวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มเกษตรกรต้องการทราบรายละเอียดสามารถติดต่อที่กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ กรมฯ พร้อมให้ความรู้และรายละเอียดอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ กรมฯ ได้ปรับวิธีการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจและประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้บริการประชาชนแบบเรียลไทม์ เช่น พัฒนาระบบการยืนยันตัวตนของผู้รับหลักประกันทั่วประเทศ จะต้องมายืนยันตัวตนที่กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในอนาคตสามารถยืนยันตัวตนเพื่อขอรับบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน (Username and Password) ของผู้รับหลักประกัน ผ่านระบบได้ และพัฒนาระบบการแจ้งความยินยอมเป็นผู้บังคับหลักประกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันการแอบอ้างและคุ้มครองสิทธิแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน เป็นต้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์และเห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
ในส่วนชองกการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันในพื้นที่อีอีซี คือ จังหวัดระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นั้นมรจำนวน 35,820 ต้น มูลค่า 392,800 บาท จำนวนเงินค้ำประกัน 392,800 บาท
ปัจจุบัน มีทรัพย์สินหลายประเภทที่สามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ เช่น กิจการ สิทธิเรียกร้อง สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ (เช่น สินค้า คงคลัง และวัตถุดิบ) อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ทรัพย์สินทางปัญญา
ล่าสุดได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2561 กำหนดให้ “ไม้ยืนต้น” เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันได้ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม้ยืนต้นที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์จะไม่ได้รับการประเมินในการให้สินเชื่อ จะประเมินเฉพาะส่วนที่เป็นที่ดินเท่านั้น แต่หลังจากที่กฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทำให้สถาบันการเงินและผู้รับหลักประกันอื่นสามารถเพิ่มประเภททรัพย์สินในการให้สินเชื่อมากขึ้น ส่งผลดีทั้งต่อสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ เกษตรกร และประชาชนที่ต้องการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อโดยมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน ปัจจุบันมีต้นไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ต้นกฤษณา ต้นสัก และต้นยาง เป็นต้น
ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 2565 มีผู้รับหลักประกันจำนวน 361 ราย และสถิติการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ มีผู้มาขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 685,568 คำขอ จำนวนเงินที่ใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน รวมทั้งสิ้น 12,993,562 ล้านบาท โดยสิทธิเรียกร้องยังคงเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด 77.93 % มูลค่า 10,125,750 ล้านบาท รองลงมา สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ เครื่องบิน สัตว์พาหนะ 22.04% มูลค่า 2,863,999 ล้านบาท ทรัพย์สินทางปัญญา 0.02 % มูลค่า 1,991 ล้านบาท กิจการ 0.01 % มูลค่า 1,287 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 0.003 % มูลค่า 398 ล้านบาท และ ไม้ยืนต้น 0.001 % มูลค่า 137 ล้านบาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0 2547 4944 e-Mail : [mailto:[email protected]%20หรือ][email protected] สายด่วน 1570 www.dbd.go.th