‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’

‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’

“ลาเต้” เหมือนทุกอย่างบนโลกยกเว้น “หนูแกสบี้” คือคาแรกเตอร์ขวัญใจชาวทวิตเตอร์ที่กลายเป็นมีมสุดฮิต จนนำมาต่อยอดเป็นสินค้ามากมายรวมถึงร่วมงานกับแบรนด์รองเท้า แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกวิจารณ์เชิงลบมาเช่นกัน

คาแรกเตอร์” ที่เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต แต่ไม่เหมือนอยู่อย่างเดียวก็คือ “หนูแกสบี้” คือคำนิยามของ “ลาเต้” คาแรกเตอร์สุดน่ารักอันโด่งดังในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ หรือ เอ็กซ์ ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 หมื่นคน แม้จะเป็นที่รู้จักได้ไม่นาน และผู้ที่สร้างสรรค์ลาเต้ขึ้นมาก็คือนักวาดชาวไทย “จีน - อรชพร วราศิริกุล” ที่เล่าให้ฟังว่าก่อนที่ลาเต้จะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องพบกับคำดูถูกเช่นเดียวกัน แต่ก็ปรับเปลี่ยนความคิดนำสิ่งเหล่านั้นมาสร้างจุดเด่นให้กับลาเต้แทน

‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’ ลาเต้ (@jeantorikoma)

แม้ว่าจีนเองจะวาดรูปมานานหลายปีแต่ส่วนมากจะเป็นแฟนอาร์ต จนเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ก็เริ่มมองหา “คาแรกเตอร์” ที่เป็นของตัวเองและเป็นสิ่งที่อยากจะวาดทุกวัน แต่หามานานก็ยังไม่เจอสิ่งที่คิดว่าใช่ จนวันหนึ่งบังเอิญเปิดเจอรูปที่วาดมาจากลาเต้ตัวจริงที่เป็นสัตว์เลี้ยงในโทรศัพท์ เป็นรูปที่วาดเล่นๆ เมื่อนานมาแล้ว ทำให้รู้สึกคิดถึงสัตว์เลี้ยงที่กลับดาวไปแล้ว ก็เลยตัดสินใจกลับมาวาดลาเต้อีกครั้งและรู้สึกว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่คลิกกับตัวเอง ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของ “ลาเต้” เพราะแทบจะไม่มีวันไหนที่ไม่อยากวาดคาแรกเตอร์นี้เลย

‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’ จีน - อรชพร วราศิริกุล

จีนเล่าให้ฟังว่าในช่วงแรกที่วาดมีชาวต่างชาติมาวิจารณ์ผลงานในแง่ลบด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้ค่อนข้างเสียกำลังใจ แต่หลังจากลงภาพผลงานตัวเองให้นักวาดไทยคนอื่นๆ ดู ก็มีแต่คนชมและให้กำลังใจแม้ว่าจะยังมีคนมองว่าลาเต้ไม่ใช่หนูแกสบี้และเห็นเป็นเรื่องตลกก็ตาม ทำให้เริ่มรู้สึกว่าสนุกกับการวาดลาเต้มากขึ้น จนกลายเป็นคอนเซปต์ “แก๊สบี้ที่ไม่เหมือนแก๊สบี้” ที่ไม่ว่าคนจะมองว่าลาเต้เป็นอะไรก็ไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนตอนแรกแล้วเพราะกลายเป็นสีสันของการวาดรูปที่เป็นความสุขของตัวเอง

ต่อมาในช่วงปี 2566 ก็เริ่มกลับมาวาดลาเต้อย่างจริงจัง แต่ในตอนนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่มีใครรู้จักคาแรกเตอร์ตัวนี้เลย เวลาลงภาพผลงานไปก็ยังไม่ค่อยได้รับการตอบรับ แต่ก็ยังวาดมาเรื่อยๆ เพราะอยากให้คนได้รู้จักและมองเห็นความน่ารักของลาเต้ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานลาเต้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะในโลกของทวิตเตอร์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “แมส” ซึ่งจีนเองก็ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเองและผลงาน ต่อมาก็เริ่มวาดลาเต้ให้ออกมาเป็นแนว “มีม” มากขึ้นทำให้ยิ่งเพิ่มความฮอตให้คาแรกเตอร์นี้เพิ่มมากขึ้น แม้ส่วนตัวจะยังไม่ได้มองว่างานตัวเองแมสก็ตาม

ไม่ใช่แค่เป็น “คาแรกเตอร์” อย่างเดียว แต่อีกหนึ่งจุดเด่นของลาเต้ก็คือ เวลาที่แฟนคลับเข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของลาเต้ จีนก็มักจะตอบกลับในฐานะ “ลาเต้” ทำให้หลายคนรู้สึกว่าได้คุยกับลาเต้ที่เป็นคาแรกเตอร์จริงๆ ซึ่งก็กลายเป็นเรื่องดีเพราะทำให้หลายคนเปิดใจให้กับลาเต้มากขึ้น รวมถึงเริ่มได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบน้อยลง และกลายเป็นความเอ็นดูแทน

“จากความรู้สึกแย่ที่ลาเต้ถูกมองในแง่ลบ มันกลายเป็นเรื่องตลก เราคิดว่าจะใช้จุดนี้มาเป็นสีสันให้ลาเต้ แทนที่จะมานั่งเศร้ากับคำวิจารณ์”

จีนเล่าถึงการนำคำวิจารณ์มาเป็นแรงผลักดันในการทำงาน

แม้ว่า “จีน” และ “ลาเต้” ถือว่ามาได้ค่อนข้างไกลในฐานะคาแรกเตอร์ของไทยที่ได้รับความนิยมในโซเชียล จนมีสินค้าออกมามากมาย ทั้งเครื่องประดับ พวงกุญแจ เสื้อผ้า สติ๊กเกอร์ เข็มกลัด ไปจนถึงสติ๊กเกอร์ไลน์ แต่จีนเล่าว่าในช่วงแรกที่เริ่มออกบูธขายสินค้าในงานก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเท่าไรนัก เพราะครั้งแรกที่ไปไม่มีลูกค้าเลยซึ่งก็ทำให้รู้สึกแย่ แต่หลังจากที่มีคนรู้จักลาเต้เพิ่มขึ้นก็เริ่มมีคนไปหาที่บูธมากขึ้น มีคนไปหาและสนับสนุนผลงานตลอดทำให้รู้สึกสนุกกับการออกบูธมากขึ้น

‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’

“เรารู้สึกซาบซึ้งและอยากขอบคุณทุกคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือว่าทุกคนในโซเชียลที่คอยเล่นกับลาเต้ พวกเขาเป็นกำลังใจสำคัญของเรา ถ้าไม่มีพวกเขา ก็อาจจะหยุดวาดลาเต้ไปแล้ว ทุกครั้งที่ท้อแท้ การได้คุยกับทุกคนทำให้รู้สึกดีขึ้นและอยากวาดลาเต้ต่อไปอีกนานๆ มันทำให้รู้ว่างานของเรามีคนสนับสนุนและชื่นชอบ”

จีนกล่าวถึงความรู้สึกที่มีคนที่สนับสนุนทั้งตัวเองและลาเต้

แน่นอนว่าในฐานะ “นักวาด” จีนเองก็ย่อมมีความฝันเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพของตัวเองเช่นกัน และสำหรับเป้าหมายที่อยากทำมากที่สุดก็คือ การจัด Solo Exhibition เพราะอยากทำหุ่นลาเต้สะพานโค้งขนาดใหญ่ให้คนมาลอดข้างใต้ “เป็นความฝันที่อยากทำให้ได้สักวันค่ะ

‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’

ไม่ใช่แค่นั้นแต่จีนเองก็อยากลองร่วมงานกับแบรนด์อื่นๆ ดูบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยคอลแลบกับแบรนด์รองเท้า “havaianas” ไปแล้ว และล่าสุดก็ลองลงภาพในทวิตเล่นๆ ว่าอยากให้ลาเต้คอลแลบกับผงพะโล้สักแบรนด์หนึ่ง (พะโล้เป็นอีกหนึ่งฉายาสุดฮิตของลาเต้) ก็เห็นว่ามีแฟนคลับหลายคนชอบจนถึงขั้นบอกว่าถ้าลาเต้ได้เป็นพรีเซนเตอร์จะยอมกินพะโล้ทุกวัน

‘ลาเต้’ มีมสุดฮิตโลกโซเชียล เป็นทุกอย่างยกเว้น ‘หนูแกสบี้’

ลาเต้เวอร์ชันพะโล้ (@jeantorikoma)

และสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับคนที่ทำงาน “สายผลิต” ก็คือการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์หรือว่า “เอไอ” ที่มีบทบาทในวงการมากพอสมควร ซึ่งส่วนตัวของจีนเองก็มองว่าเอไอคือเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเหลือมนุษย์ได้ในบางเรื่อง เช่น บางอาชีพที่ไม่สามารถวาดรูปหรือปั้น 3D ได้ ก็สามารถนำเอไอมาใช้เพื่อให้ภาพที่คิดไว้ชัดเจนขึ้นได้ แต่ก็มองว่าเอไอเองก็มีข้อเสียอยู่เ เช่น การนำภาพจากแอปพลิเคชันต่างๆ ในโซเชียลมีเดียมาเจนออกมาเป็นผลงานอีกทีหนึ่ง มันคล้ายกับการนำรูปของคนอื่นไปใช้โดยไม่รับอนุญาต

เอไอ เอามาใช้ให้ถูกวิธีได้ แต่บางคนใช้ในทางที่ผิด เรามองว่าศิลปินไทยที่เก่งๆ มีหลายคน อยากให้แบรนด์หรือคนทั่วไปหันมาสนับสนุนศิลปินไทยมากขึ้น จีนกล่าวถึงความคิดเห็นที่มีต่อเอไอ

ทั้งนี้จีนทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “สำหรับคนที่อยากลองวาดรูป อยากบอกว่าให้ลองทำเลย เพราะเราไม่รู้จะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ ทุกวันมีค่ามาก ถ้าอยากทำอะไรให้ทำเลย ใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่ว่าจะอายุยังน้อยหรือายุมากแล้วก็ตาม ถ้าอยากทำอะไรก็ทำได้เลย