สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตฯ เฝ้าระวังต้นทุนผลิต ค่าขนส่งพุ่ง และสินค้าขาดแคลน

สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตฯ เฝ้าระวังต้นทุนผลิต ค่าขนส่งพุ่ง และสินค้าขาดแคลน

สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. 2565 อยู่ที่ 91.79 เพิ่มขึ้น 0.56% จากปีก่อนหน้า แต่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 16.51% ส่วนกำลังการผลิตอยู่ที่ 58.91% ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ผู้ประกอบการรับต้นทุนเพิ่มจากเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน ด้านส่งออกได้อานิสงค์เงินบาทอ่อนค่า

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเม.ย. 2565 อยู่ที่ 91.79 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 16.51% ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 58.91% ปรับตัวต่ำสุดในรอบ 8 เดือน

ภาพรวมดัชนี MPI ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2565 ยังขยายตัว 1.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนด้านกำลังการผลิตเฉลี่ย 4 เดือน อยู่ที่ 64.63% ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อยังคงกระทบกับผู้ประกอบการดันต้นทุนการผลิตสูงขึ้น สะท้อนจากดัชนีราคาผู้ผลิต PPI หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 11.4%

 

อย่างไรก็ตาม หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ตามลำดับ ส่งผลให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่องด้วยอานิสงค์การอ่อนค่าของเงินบาท ที่เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมทางการเกษตร  

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลาย ประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตประจำวันและบริโภคได้ตามปกติมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว สะท้อนได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อ ภาคการส่งออกทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เดือนเม.ย. ขยายตัว 4.98%

ในขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบของรัสเซียและยูเครนได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าขนส่ง รวมถึงสินค้านำเข้าประเภทวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี โดยสถานการณ์เงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม สะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเดือนเมษายนขยายตัวที่ 11.4% เร่งตัวขึ้นจากเดือนมีนาคมขยายตัวที่ 10.4%

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังจากนโยบายซีโร่โควิดของจีนที่อาจทำให้การขนส่งล่าช้า และขาดแคลนสินค้าวัตถุดิบ

ขณะเดียวกัน สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวใน 1-2 เดือนข้างหน้า อุปสงค์ในประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว

"ความเชื่อมั่นทางภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้มีความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ด้านปัจจัยต่างประเทศยังคงส่งสัญญาณปกติจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ยังเติบโตได้" 

สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตฯ เฝ้าระวังต้นทุนผลิต ค่าขนส่งพุ่ง และสินค้าขาดแคลน สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนเมษายน 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.82% จากผลิตภัณฑ์รถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดกลาง เครื่องยนต์ดีเซล เป็นหลัก โดยขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและประเทศคู่ค้า รวมถึงราคาพืชผลเกษตรสำคัญหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น

น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.53% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน เป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลาย เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การขนส่งเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น ประชาชนสามารถการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้

ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.41% จากผลิตภัณฑ์ยางแท่ง เป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของแรงงานในปีก่อน ส่งผลให้มีการผลิตได้  เป็นจำนวนน้อย ประกอบกับในปีนี้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวจึงมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เครื่องประดับ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.95% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในหลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ และทยอยเปิดเมือง ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวและบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มมากขึ้น 

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.22% จากผลิตภัณฑ์ PCBA และ IC เป็นหลัก เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง