'สถิตย์' ตั้งกระทู้ถาม รมว.คลัง 3 ข้อ ปมเก็บภาษีหุ้น
สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ตั้งกระทู้ถาม รมว.คลัง 3 ข้อ ปมเก็บภาษีหุ้น - ภาษีธุรกิจเฉพาะ ชี้แนวทางในการจัดเก็บต้องมีความชัดเจน รมว.คลังเผยขยายเวลาเว้นภาษีหุ้นเหมาะสม รับผลกระทบจากเรื่องของเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ยูเครนรัสเซีย และการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม2565 ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 3 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถาม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง "การจัดเก็บภาษีการขายหลักทรัพย์ (Financial Transaction Tax)"
โดยมีประเด็นสำคัญที่ตั้งกระทู้ถาม 3 เรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญ และ รมว.คลังได้มีการตอบคำถามดังนี้
1.กระทรวงการคลังมีนโยบายในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์อย่างไร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตอบว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid 19 ส่งผลให้รัฐจัดเก็บภาษีได้น้อยลงเมื่อคิดเปอร์เซ็นต์การจัดเก็บต่อจีดีพี (Gross Domestic Product: GDP) จึงจำเป็นต้องหามาตรการในการเพิ่มรายได้โดยการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี นโยบายการจัดเก็บภาษีการขายหลักทรัพย์อยู่ในหนึ่งนโยบายการขยายฐานภาษี ในปี 2535 มีการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ (Special Business Tax) จากการขายหลักทรัพย์ ในอัตรา 0.1% บวกกับภาษีท้องถิ่น รวมเป็น 0.11% แต่มีการยกเว้นให้ตั้งแต่เริ่มการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในปี 2535 ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์เติบโต 22เท่าจาก 30 ปีก่อน
กระทรวงการคลังจึงมอบหมายให้กรมสรรพากรศึกษาความเหมาะสมของการยกเว้นการเรียกเก็บภาษี โดยถือว่าเป็นนโยบายในการขยายฐานภาษี
2.หากกระทรวงการคลังมีนโยบายในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ กระทรวงฯ มีแนวทางในการจัดเก็บอย่างไร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตอบในประเด็นนี้ว่า ประการที่ 1 ฐานภาษีในการกำหนดเก็บตามมาตรา 91/5 ตามประมวลรัษฎากร คือ เก็บภาษีเฉพาะการขายขาเดียว
ประการที่ 2ตามมาตรา 96/6 แห่งประมวลรัษฎากร จัดเก็บในอัตรา0.1% ของรายรับ หรือ 0.11% เมื่อรวมภาษีท้องถิ่น
ประการที่ 3 ปกติการซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนในตลาดซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ (Broker) ดังนั้นโบรกเกอร์จะหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขายและยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนผู้ขาย โบรกเกอร์จะมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเป็นรายเดือน โดยยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร
1.ได้มีการวิเคราะห์การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ว่าจะส่งผลต่อการลงทุนและมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือไม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตอบว่า กระทรวงการคลังมอบหมายกรมสรรพากรศึกษาผลกระทบ ทั้งด้านต้นทุนการทำธุรกรรม เมื่อเทียบกับประเทศอื่น อาทิ สิงค์โปร์ มาเลเซีย และ ฮ่องกง
ส่วนการศึกษาผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีการขายหลักทรัพย์นั้นจะส่งผลกระทบในระยะสั้นโดยยกตัวอย่างจากการศึกษาจากประเทศฝรั่งเศส และ อิตาลี ที่มีการเก็บภาษีในช่วงปี 2555 และ 2556 ไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว ปัจจุบันกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ต้องดูหลายปัจจัยประกอบ โดยเปิดการรับฟังข้อคิดเห็นจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเงื่อนไขเวลาที่เหมาะสม ต้องใช้ระยะเวลาเพื่อเป็นการทำความเข้าใจและให้เวลานักลงทุนในการปรับตัว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้สถานการณ์ในเรื่องของตลาดหุ้นเราไม่ค่อยดี เพราะว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องของเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ยูเครนรัสเซีย และเรื่องของตลาดการเงิน การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารกลางของสหรัฐฯ มีผลกระทบต่อตลาดเงินกับตลาดทุนของเราเช่นกัน คาดว่าน่าจะช่วงสั้นๆ
แต่คิดว่าสำหรับในเรื่องการรับฟังน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน ซึ่งอันนี้จะแตกต่างไปจากเรื่องของนโยบายการจัดเก็บภาษีในเรื่องอื่นๆ ซึ่งโดยปกติจะไม่มีการรับฟังความคิดเห็นในกรณีที่เป็นนโยบายภาษี แต่ว่าในกรณีนี้ถือว่ามีผลกระทบต่อตลาดและมีผลกระทบต่อผู้ลงทุน