KBANK - เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นธนาคารในอินโดฯ
KBANK จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน BMAS เป็น 67.5% มูลค่า 7.5 พันลบ. เทียบเท่า 4.2x PBV เราประเมินว่าดีลค่อนข้างแพงแต่มีผลต่องบดุลและกำไรค่อนข้างน้อย
เนื่องจาก BMAS เป็นธนาคารขนาดเล็กซึ่งมีขนาดทรัพย์สินและกำไรคิดเป็นเพียง 0.8% และ 0.5% ของ KBANK เราคงคำแนะนำ “ถือ” KBANK ที่ TP 170 บาท
KBANK จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น BMAS เป็น 67.5%
KBANK รายงานว่า KVF (Kasikorn Vision Financial Company) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ KBANK ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด ทำข้อตกลงซื้อขายแบบมีเงื่อนไข (CSPA) มูลค่าไม่เกิน US$220m หรือ 7.556 พันลบ. และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PT Bank Maspion Indonesia Tbk (BMAS) อย่างไรก็ตามดีลนี้ยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2022 หลังดีลนี้ KBANK และ KVF จะถือหุ้น BMAS รวมกันไม่เกิน 67.5% ของหุ้นทั้งหมด
ขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค
BMAS เป็นธนาคารขนาดเล็กในอินโดฯ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 3.3 หมื่นลบ. ขนาดทรัพย์สินเป็นอันดับที่ 80 จากทั้งหมด 120 ธนาคานในอินโดฯ BMAS ตั้งอยู่ที่ Surabaya และมีสาขาราว 50 สาขา การลงทุนใน Maspion เป็นการลงทุนเชิง
กลยุทธ์ของ KBANK เพื่อขยายธุรกิจไปยังตลาดภูมิภาค อย่างไรก็ตามดีลนี้ไม่ใช่การลงทุนแรกในอินโดฯเนื่องจาก KBANK ได้เข้าซื้อหุ้น 9.9% ใน BMAS ตั้งแต่ 2017 แต่มีเพียงสำนักงานเล็กๆกอปรกับมีพนักงานอยู่ไม่มากและไม่สามารถให้สินเชื่อหรือบริการอื่นของธนาคารได้
ผลต่องบดุลและกำไรค่อนข้างน้อย
เราเชื่อว่าดีลนี้จะช่วยให้ KBANK สามารถเรียนรู้และเข้าถึงตลาดกับลูกค้าท้องถิ่นในอินโดฯ ได้มากขึ้น แต่เราประเมินดีลนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานหรือคาดการณ์กำไรของ KBANK อย่างมีนัยสำคัญ เป็นเพราะ BMAS เป็นธนาคารที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก โดยมีกำไร FY21 ที่เพียง 188 ลบ. และทรัพย์สินรวม 3.3 หมื่นลบ. คิดเป็น 0.8% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของ KBANK และมีกำไรคิดเป็น 0.5% ของกำไรสุทธิ ในแง่ของมูลค่าดีล เรามองว่าค่อนข้างแพงที่ PB 4.2x และ PE 80-90x เมื่อเทียบกับ ROE ประมาณ 6% โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับดีล Permata ของ BBL ที่ซื้อเมื่อก่อนหน้าที่ PB ประมาน 1.6-1.7x