กลยุทธ์การลงทุน พอร์ตหุ้นแนะนำ มิ.ย. ยังเน้นธีมเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อ
พอร์ตหุ้นเดือนพฤษภาคมขยับขึ้น 3.3% ซึ่งดีกว่าดัชนี SET - ในเดือนพฤษภาคม แนวโน้มหลักของตลาดหุ้นไทยคือปรับลง แต่ความผันผวนภายในเดือนที่ผ่านมาค่อนข้างสูง
โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือน ภาวะตลาดถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และแนวนโยบายการเงินแบบ hawkish ของ Fed นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการแจ้งเตือนเกี่ยวกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐทำให้นักลงทุนทั่วไปอยู่ในโหมด risk-off อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลังของเดือนหลังจากที่สหรัฐรายงานว่าดัชนีเงินเฟ้อ CPI เดือนเมษายนลดลงจากเดือนมีนาคม ในขณะที่การคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเริ่มจะนิ่งขึ้น ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ดังกล่าวทำให้ดัชนี US dollar index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลง ส่งผลให้สกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น และเกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นระลอกใหม่ สำหรับปัจจัยภายในประเทศของไทย การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวได้ดีในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังประสบปัญหา ทั้งนี้ พอร์ตหุ้นเดือนพฤษภาคมของเราขยับขึ้นมา 3.3% ดีกว่าดัชนี SET ที่ลดลง 0.7%
ปัจจัยมหภาคโลกจะช่วยหนุนให้มีเงินทุนไหลเข้ามากขึ้น
ในเดือนมิถุนายน เราคาดว่าดัชนี SET จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม โดยดัชนี US Dollar Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐน่าจะลดลงอีกเพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ ข้อแรก นักลงทุนน่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ข้อที่สอง การตัดสินนโยบายของ ECB ในการประชุมวันที่ 9 มิถุนายนน่าจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป ซึ่งจะช่วยหนุนสกุลเงิน EUR และฉุดให้ USD อ่อนค่าลง ข้อที่สาม เราเชื่อว่า กราฟ dot-plot ใหม่จากผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15 มิถุนายนจะไม่เกินกว่าที่ตลาดคาดไว้ในปัจจุบันว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐสิ้นปีนี้จะขึ้นไปอยู่ที่ 2.75% เรามองว่าปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวจะช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น และทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กนง. จะประชุมในวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งเราคาดว่าน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้เท่าเดิมที่ 0.50% และส่งสัญญาณว่าวัฏจักรดอกเบี้ยของไทยไม่จำเป็นต้องปรับตามทิศทางของ Fed
ยังคงเน้นหุ้นในธีม reopening, การบริโภคในประเทศ, การท่องเที่ยว และสินค้าโภคภัณฑ์บางตัว
เนื่องจากเรามองบวกกับแนวโน้มดัชนี SET เดือนมิถุนายน และคาดว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เราจึงแนะนำให้นักลงทุนยังคงเน้นหุ้น large-cap ที่มีธีมการลงทุนน่าสนใจอย่างเช่น การกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง, การบริโภคในประเทศ การท่องเที่ยว และสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่งใน 2Q65 เราคิดว่าตลาดอาจจะผันผวนมากขึ้นหลังจากที่ดีดตัวกลับมาแรงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เรายังแนะนำให้ซื้อสะสมในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยหุ้นเด่นของเราในเดือนมิถุนายนได้แก่ CPALL*, MAJOR*, KBANK*, KTB*, AOT*, BANPU*, ESSO* และ SPRC*