"จีน" ประกาศคลายล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ เปิดเมืองในรอบ 3 เดือน
"จีน" คลายล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นการประกาศชัยชนะเหนือ COVID-19 อีกครั้ง ทำให้แรงกดดันหุ้นจีนคลี่คลาย เป็นสัญญาณดีต่อเศรษฐกิจจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ในช่วงเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา จีนได้กลับมาเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศอีกครั้ง ทำให้ทางการจีนได้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งการล็อกดาวน์ ในครั้งนี้ ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย เนื่องจากจีนถือเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อมีการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะเมืองสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ จึงส่งผลกระทบต่อ Supply ทั่วโลก
ทางการจีนประกาศคลายล็อกดาวน์ 1 มิถุนายน
อย่างไรก็ดี ทางการจีนได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์ และการใช้มาตรการ Zero-Covid หลังจากที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ดัชนี PMI ที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการ เดือน มีนาคม ปรับลดลงอยู่ระดับต่ำกว่า 50 จุด ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์เศรษฐกิจหดตัวและตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การใช้มาตรการล็อกดาวน์ ที่เข้มงวดยังสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนอีกด้วย ดังนั้น หลังจากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ปรับลดลงจากระดับสูงสุดในเดือน เมษายน ที่จำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึงวันละ 27,000 ราย เหลือเพียง 15 ราย ในวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน มีนาคม ทำให้ทางการจีนมีการคลายล็อกดาวน์ ตามแผนที่เคยประกาศก่อนหน้า โดยเริ่มในวันที่ 1 มิถุนายน
ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดต่อเนื่อง
เมื่อจีนประกาศเปิดเมือง
สำหรับการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ในครั้งนี้ ประชาชนจะสามารถออกจากบ้านได้หลังจากที่ได้ทำการตรวจ PCR และผลเป็นลบภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง การคมนาคมจะกลับมาให้บริการอีกครั้ง รวมไปถึงการเดินทางระหว่างประเทศ และร้านค้าต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายยา Supermarket ร้านเสริมสวย สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ และการตรวจหาไวรัสจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน โดยจะการจัดตั้งจุดตรวจ COVID-19 ในที่ต่างๆ
หลังจากที่จีนได้ทำการเปิดเมืองตามแผน ทางด้านประชาชนจีนได้มีการเฉลิมฉลองการคลายล็อกดาวน์ ในครั้งนี้ ทั้งการจัดงานฉลองและการจุดดอกไม้ไฟ จากที่ประชาชนส่วนใหญ่ในเซี่ยงไฮ้กว่า 22 ล้านรายได้รับอิสระและกลับไปใช้ชีวิตอีกครั้ง โดยมีเพียงประชาชนราว 220,000 รายที่ยังคงต้องกักตัว
ขณะที่ทางฝั่งภาคธุรกิจยังคงมีความระมัดระวัง และค่อยๆ ปรับตัว อย่างโรงงานของ Tesla และ Volkswagen ยังคงใช้มาตรการ Bubble ในการควบคุมโรคไปจนถึงสิ้นสุดสัปดาห์หน้าและบริษัท Sony Group Corp จะทำการกลับมาผลิตเต็มรูปแบบในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หลังจากที่มีการเปิดโรงงานในเซี่ยงไฮ้ไปแล้วบางส่วนในเดือน พฤษภาคม สำหรับผลิตโทรทัศน์และกล้องวีดีโอ ขณะที่ทางด้าน Toyota Motor และ Suzuki Motor Corp. จะยังคงติดตามสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ ทางด้านตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้ปรับตัวขึ้นมาล่วงหน้าตอบรับปัจจัยบวกหลังจากจีนประกาศคลายล็อกดาวน์ จากที่คาดว่าปัญหาเรื่อง Supply Chain จะคลี่คลายขึ้น และเศรษฐกิจจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ซึ่งหากมาดูเศรษฐกิจจีนล่าสุดก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น จากตัวเลข PMI เดือน พฤษภาคม ของจีน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าและดีกว่าตลาดคาด สะท้อน Momentum ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น
อีกทั้ง ทางด้านราคาน้ำมันก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ $120 ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากที่ปริมาณการใช้น้ำมันจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อยู่ที่ราว 16 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่ในช่วงที่จีนมีการล็อกดาวน์ ปริมาณการใช้น้ำมันในจีนเดือน พฤษภาคม ลดลงถึงวันละ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การประกาศคลายล็อกดาวน์ ในเมืองสำคัญของจีนในวันที่ 1 มิถุนายน เปรียบเสมือนการประกาศชัยชนะเหนือ COVID-19 อีกครั้ง หลังรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 65 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน โดยหนังสือพิมพ์ People’s Daily พาดหัวข่าวว่า ถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในการปกป้องนครเซี่ยงไฮ้ การคลายล็อกดาวน์ ในครั้งนี้ทำให้อีกหนึ่งประเด็นที่เคยกดดันหุ้นจีนคลี่คลายลงไป และเป็นโอกาสที่จะดึงดูดนักลงทุนให้กลับเข้ามาลงทุนในหุ้นจีนอีกครั้ง
ที่มา: Bloomberg, CNBC
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds