ERW ได้อานิสงส์เต็ม ๆ จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2565F ขึ้นอีก 3% และปี 2566F ขึ้นอีก 11% เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มสมมติฐาน occupancy ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง (Figure 1)
ผลประกอบการมีแนวโน้มแข็งแกร่งใน 2Q65F
Occupancy (ไม่รวมโรงแรมราคาประหยัด) อยู่ที่ 50% ในเดือนเมษายน 2565 และปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 58% ในเดือนพฤษภาคม ผลักดันจาก i) ลูกค้ากลุ่ม MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) เริ่มฟื้นตัวขึ้น และ ii) สัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น
นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่มีพัฒนาการเชิงบวกขึ้นแล้ว เราคาด ERW จะมีกำไรจากการขายทรัพย์สินประมาณ 50 ล้านบาทใน 2Q65F จากการขาย Ibis กะตะ, หัวหิน และ Ibis Styles กระบี่ อ่าวนาง ซึ่งจะช่วยหนุนโมเมนตัมของกำไรขึ้นไปอีก
คาดผลกระทบเชิงลบจำกัดจากประเด็นเงินเฟ้อ
ในฐานะที่ ERW เป็นหุ้น Pure play ในกลุ่มโรงแรม และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะช่วยให้อัตราค่าห้องพักปรับตัวเพิ่มขึ้น เราจึงคาดว่า ERW จะได้รับผลกระทบเชิงลบน้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มจากประเด็นเงินเฟ้อ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีประเด็นที่น่ากังวลอย่างมีนัยสำคัญต่อการปรับขึ้นค่าแรง และปัญหาขาดแคลนแรงงาน
Valuation & Action
เราคาด ERW จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์เต็มที่จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ เพื่อจับโอกาสในการเข้าลงทุน เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565F และปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4.70 บาท จากเดิม 3.70 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2566F ที่ 16.5x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +1.0 S.D.
Risks
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำเกินคาด