หุ้น ‘STP’ จ่อระดมทุนนำเงิน เร่งขยายโรงงาน - เครื่องจักร
หุ้นไอพีโอกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตระดับสูง... สะท้อนผ่านฐานลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มผู้ผลิต “อาหารคน” และ “อาหารสัตว์” คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้
สำหรับ บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP ผู้ประกอบธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษ และสิ่งพิมพ์ทุกชนิด มีบริการตั้งแต่พัฒนา และออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพสูง ด้วยการพิมพ์งานสูงสุด 12 สี และมีบริการหลังพิมพ์ต่างๆ
ไอพีโอน้องใหม่กำลังได้รับผลบวกดังกล่าว กำลังจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 25,400,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 18 บาทมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 11.3 เท่า คาดเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 14 มิ.ย.2565
“สุรนัย โรจน์วงศ์จรัต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทยการพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STPให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าการตัดสินใจนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ !! เขายอมรับว่าเพราะต้องการ “ปลดล็อก” การเติบโตของธุรกิจหลังจากความต้องการสินค้า (ดีมานด์) มีลูกค้ามีจำนวนมาก สะท้อนผ่านการที่บริษัทปฏิเสธไม่รับออเดอร์สินค้าจากลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาได้ทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้ารายใหม่
ทั้งนี้ เพื่อขยายการเติบโตรองรับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตอาหารคน และอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายหลักของ STP มีแนวโน้มเติบโต และขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น จึงส่งผลดีต่อบริษัทให้มีคำสั่งซื้อที่ดีต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ การวางแผนขยายฐานลูกค้ารายใหม่ รองรับโลกยุคหลังโควิด บรรจุภัณฑ์จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญเพื่อใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้า และแบรนด์ อีกทั้ง ภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโต รับตลาดอีคอมเมิร์ซ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าอุปโภคและบริโภค
หากพิจารณาการเติบโตขององค์กรแห่งนี้จะพบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2564)มีกำไรสุทธิ 59.00 ล้านบาท 95.40 ล้านบาท และ 123.80 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 383.06 ล้านบาท 455.06 ล้านบาท และ 579.55 ล้านบาท ตามลำดับ และล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 32.70 ล้านบาท และมีรายได้ 145.30 ล้านบาท
สะท้อนผ่านเงินระดมทุนจำนวน 435.50 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนใน “โครงการขยายโรงงาน” และ “ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม” ตามโครงการในอนาคตที่วางไว้ จำนวน 360 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ จำนวน 75.5 ล้านบาท
สำหรับโครงการในอนาคต ประกอบด้วย การสร้างอาคารโรงงาน ขนาดพื้นที่ 5,300 ตารางเมตร เพื่อใช้วางไลน์ผลิต และเป็นคลังสินค้าเพิ่มเติม รวมทั้ง การซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตเพิ่มเติม จากปัจจุบันกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 49.7 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี ใช้กำลังผลิต ณ ไตรมาส 1 ปี 65 ประมาณ 99% ซึ่งคาดว่า เครื่องจักรใหม่ที่ทยอยติดตั้งเข้ามา จะเริ่มสร้างรายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 65
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้า 3-5 ปีข้างหน้า (2565-2569) แบบอนุรักษนิยม (Conservative)โดยมีเป้ายอดขายเติบโตสู่ระดับ 750 ล้านบาทต่อปี หรือมีอัตราการเติบโตยอดขายโดยเฉลี่ย 5-15% ต่อปี จากปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ราว 580 ล้านบาท กำไรสุทธิเกือบ 124 ล้านบาท ส่วนราคาน้ำมันแพงไม่กระทบโดยตรงกับบริษัท แต่จะทำให้วัตถุดิบอื่นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยง
ท้ายสุด “สุรนัย” บอกไว้ว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ ขณะเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ขยายโรงงาน และลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และรองรับโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์