มีโอกาสปรับตัวลง (วันที่ 10 มิถุนายน 2565)
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในระหว่างวันดัชนีปรับตัวบวกราว 6-8 จุด จากแรงซื้อเด่นในหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ได้ประโยชน์หากกนง. มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงครึ่งหลังของปี
นักลงทุนจับตาการประชุม ECB ในวันพฤหัส และการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,641.34 จุด +4.45 จุด +0.27% มูลค่าการซื้อขาย 80,431 ลบ. ต่างชาติ +1,118.80 ลบ. TFEX +22,300 สัญญา ตราสารหนี้ +979.46 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) คาดปี 2565-2567 ยอด FDI ไทยแตะ 4-5 แสนล้านบาทต่อปีจากอุตสาหกรรม New s-Curve และ BCG 1Q65 มียอดขอรับการส่งเสริม BOI แตะ 7.73 หมื่นล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนต่างชาติเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย
+ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการเดินทางส่งผลให้ตั้งแต่ 1 มิ.ย.65 มีผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้า-ออก สนามบินเฉลี่ยวันละ 70,000 คน เพิ่มขึ้นจากวันละ 30,000 คน คาดผู้โดยสารในช่วง ไฮซีซันตั้งแต่ ต.ค.65 จะเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 100,000 คน เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดมีผู้โดยสารวันละ 200,000 คน
+ กบร.มีมติรับร่างโรดแม็ปแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน ปี 2565-2568 และร่างนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่สำคัญอย่างมากต่อการช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินและเศรษฐกิจของไทย
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,836 ราย ATK 4,767 ราย มีผู้เสียชีวิต 24 ราย รักษาหาย 3,518 ราย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 638.11 จุด -1.94% กังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงและผลักดันการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันตลาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 60 เซนต์ -0.5% ปิดที่ 121.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากเซี่ยงไฮ้ประกาศล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ประกาศล็อกดาวน์เขตหมินหัง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเสาร์นี้ (11 มิ.ย.) เพื่อปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นวงกว้าง
- แม้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมแต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และก.ย. จากคาดการณ์เงินเฟ้อพุ่งแตะ 6.8% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 3.5% และ 2.1% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ซึ่ง ECB คาดว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวแตะ 5.1% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 2.1% และ 1.9% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำาบ
- ส.อ.ท. เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. 65 ปรับตัวลงจากเดือนเม.ย. ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน กังวลสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูง
- พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครม.เป็นรายบุคคลรวมในวันที่ 15 มิ.ย. มุ่งอภิปรายหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคแกนนำฝ่ายรัฐบาลเป็นหลัก
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนยังกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูง จะกดดันเศรษฐกิจสหรัฐ ประกอบกับเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ประกาศว่าจะล็อกดาวน์บางส่วน คาดดัชนีวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,625 - 1,648 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• FTSE ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 17 มิ.ย. FTSE All World Index : เข้า – ออก - , Micro Cap Index เข้า BRI CIVIL HENG KTBSTMR PEACE SVT TKC TFM WFX ออก –
• หุ้นส่งออกเดือน เม.ย. ที่ขยายตัวได้ดี : TWPC BRR KSL TU ASIAN KCE PDJ INOX
• กม. PDPA มีผลบังคับใช้ : HUMAN SECURE ITEL IIG INSET
• ปลดล็อกกัญชาเริ่ม 9 มิ.ย. : GUNKUL KWM RS BC IP DOD RBF
• FTSE SET Index ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 20 มิ.ย. FTSE SET Large Cap Index : เข้า JTS ออก BTS , FTSE SET Mid Cap Index เข้า AAV BYD BTS FORTH NEX SABUY ONEE ออก IMPACT JTS
หุ้นรายงานพิเศษ
PIN – “กำไรโต 138 ลบ. +229%YoY, +234%QoQ”
•รายได้ 1Q65 เท่ากับ 378 ลบ. +143%YoY, +134%QoQ อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวระดับสูงที่ 54% หากเทียบ 1Q64, 48% และ 4Q64, 56% กำไร 138 ลบ. +229%YoY, +234%QoQ โดยรายได้หลักมาจากการขายที่ดินโครงการปิ่น 2 และปิ่น 5 มูลค่า 315 ลบ. คิดเป็น 83% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน อยู่ในอุตสาหกรรมหนักและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็น 78% ของลูกค้าทั้งหมด ส่วนรายได้จากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคราว 38 ลบ.+5%QoQ คิดเป็น 10% ของรายได้
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากภาครัฐพยายามผลักดันให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใน EEC นิคมฯของบริษัทอยู่ในชลบุรีและระยอง อีกทั้งใน 3Q65 ธุรกิจมีแผนเริ่มโครงการโลจิสติกส์และโซล่าเซลล์ ใช้เงินลงทุนกว่า 5.6 พันล้านบาท คาดเริ่มรับรู้รายได้ใน 1Q66 หนุนรายได้ประจำ ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา -7%YTD ทำให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 22 เท่า เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) SSP (Bloomberg consensus 14.55 บาท) ปิดดีลขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่น ขนาด 17 เมกะวัตต์ มูลค่า 2.8 พันล้านเยน หรือประมาณ 718 ล้านบาท เตรียมบุ๊กกำไรทันที พร้อมเดินหน้าขยายลงทุนทุกรูปแบบมุ่งสู่เป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) EPG (Bloomberg consensus 14.20 บาท) บิ๊ก EPG "ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์" ประกาศเดินหน้าโต ชูธงธุรกิจฉนวนยาง, ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ นำทัพโตแรงจากคำสั่งซื้อและกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ลูกค้ายุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น ดีมานด์สูง ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 (เม.ย. 65-มี.ค. 66) เติบโต 12-15% สู่ระดับ 13,500 ล้านบาท เล็งภายใน 5 ปี รายได้แตะ 2 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PIMO (Bloomberg consensus - บาท) โดดรับบาทอ่อน กวาดกำไรจากการส่งออกเพิ่มเกือบ 10% บอสใหญ่ "วสันต์ อิทธิโรจนกุล" ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/2565 ผงาด ใส่เกียร์ปั๊มงบครึ่งปีแรก แย้มลูกค้าใหม่เตรียมป้อนออเดอร์เข้าพอร์ต 400 ล้านบาท เร่งอัพกำลังผลิตมอเตอร์ AC แตะ 1.2 แสนลูก (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SISB (Bloomberg consensus 13.45 บาท) มั่นใจรายได้ ปี 2565 โต 15-20% จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม ขณะที่เริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย รวมถึงคุมต้นทุนได้ดี จ่อปรับขึ้นค่าเทอม 5% เดินหน้าเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ 2 แห่งในปี 2566 หนุนจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นแตะ 4,250 คน ภายในปี 2569 ดันรายได้โตเท่าตัวทะลุ 2 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)