บลจ.กสิกรไทย ไม่หวั่นเงินเฟ้อโลกพุ่ง แนะกระจายลงทุนหนุนพอร์ตรอดวิกฤติ
บลจ.กสิกรไทย เผยเงินเฟ้อโลกยังขยายตัว ตลาดกังวลเงินเฟ้ออาจกระทบเศรษฐกิจ แต่ความผันผวนสร้างโอกาสทยอยลงทุนได้ แนะกระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ เสริมพอร์ตด้วยกองทุนหุ้นต่างประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อโอกาสในระยะยาว และพักเงินในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นก่อน
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินเฟ้อสหรัฐ ปรับตัวขึ้นเป็นระดับสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 40 ปี ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เคยมีการรวบรวมข้อมูลมา ซึ่งภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกว่า 0.5% ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐ เข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกได้
อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงเชื่อว่าภายใต้ความผันผวนยังคงมีโอกาสสำหรับการเข้าลงทุนได้ โดยใช้หลักกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ และเลือกลงทุนในภูมิภาค/ประเทศที่มีการเติบโตสูงจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย กล่าวเสริมว่า จากรายงานเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น และทองคำ เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรง
ส่วนตราสารหนี้ และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ในระยะยาวยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกองทุนหุ้น มากกว่ากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง กองทุนน้ำมัน และกองทุนทองคำ ในสัดส่วนไม่เกิน 5-10% ของพอร์ต
สำหรับการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) บลจ.กสิกรไทย มองว่าประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความน่าสนใจใน 5 มิติ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
1.เศรษฐกิจในประเทศเติบโตต่อเนื่องทั้งในระยะกลางและยาว
2.ระบบการเงินที่มีเสถียรภาพ
3.การสนับสนุนจากรัฐบาลในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
4.ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานทำให้การบริโภคในประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่สูง
5. การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องจากการย้ายฐานการผลิต
โดยขอแนะนำ กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน (K-VIETNAM) มีนโยบายการลงทุนที่ส่วนใหญ่เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม และบางส่วนลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งรวมถึง ETF ด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนเกษียณก็สามารถเลือกลงทุนใน กองทุน เปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ (K-VIETNAM-RMF) ได้เช่นกัน
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Yield Curve) ปรับตัวขึ้นทุกประเทศ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน และอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นมาก จากหลายปัจจัย
สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทย แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% แต่ Yield Curve ได้ปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่สะท้อนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75-2.00%ไปแล้ว ค่าเงินบาทอ่อนตัวตามค่าเงินในภูมิภาค กระแสเงินไหลเวียนของผู้ลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) สุทธิแล้วเป็นเงินไหลเข้าเล็กน้อย
แม้ปัจจัยพื้นฐานโดยรวมจะยังคงดีอยู่ และ Yield Curve ได้สะท้อนภาพการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว แต่ในช่วงเวลานี้ตลาดจะยังมีความผันผวนอยู่บ้าง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้โดยเลือกพักเงินในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และหากรับความผันผวนของราคาได้ก็สามารถทยอยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางได้
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์