วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CPALL คาดกำไรลดลงจากโครงการ Happitat
เราได้ปรับลดราคาเป้าหมาย (TP) สู่ระดับ 70 บาท (จาก 80 บาท) เนื่องจากคิดรวมผลขาดทุนของ CPAXT จากการถือหุ้น (95%) ในโครงการ Happitat ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทในปี 2025F และ 800 ล้านบาทในปี 2026F
เนื่องจาก CPALL ถือหุ้นใน CPAXT ประมาณ 60% สิ่งนี้ควรส่งผลให้กำไรหลักของ CPALL ลดลง 144 ล้านบาทในปี 2025F และ 384 ล้านบาทในปี 2026F หรือประมาณ 0.5% และ 1.3% ตามลำดับ ซึ่งส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลง 12.5% เหลือ 70 บาท เนื่องจากเราเชื่อว่า Sentiment เชิงลบจากโครงการ Happitat อาจนำไปสู่การปรับลดมูลค่าของ CPALL อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้คำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ CPALL เนื่องจากมีความสามารถในการทำกำไรสูง การเติบโตของรายได้ที่ระดับ 8%-12% ในปี 2025-2026F และ valuation ที่น่าสนใจที่ 19.1 เท่าของกำไรสุทธิในปี 2025F
โครงการ Happitat ทำให้รายได้ของ CPALL ลดลงเล็กน้อยในปี 2025F-2026F
เราประเมินว่า CPAXT จะมีผลขาดทุนก่อนหักภาษีจากโครงการ Happitat ประมาณ 300-800ล้านบาท ดังนี้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 300 ล้านบาทต่อปี สำหรับการลงทุน 8 พันล้านบาท สำหรับปี 2026F ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินงาน เราประเมินว่าโครงการ Happitat จะขาดทุน 500 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับค่าเสื่อมราคาที่คาดการณ์ไว้ในปีนั้น โดยสมมติว่าโครงการมีจุดคุ้มทุน EBITDA เนื่องจาก CPALL ถือหุ้นใน CPAXT 60% สิ่งนี้จะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นประมาณ 144 ล้านบาทและ 384 ล้านบาทในปี 2025F และ 2026F (หลังหักภาษี) ตามลำดับ
SSSG ใน 4Q24 ควรยังคงดี
เราเชื่อว่าการดำเนินงานของ CPALL ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยทุกหน่วยธุรกิจจะบันทึกการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเชิงบวกใน 4Q24 สำหรับธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก สาเหตุอาจมาจากการปรับปรุงในหมวดอาหารสด ในขณะที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ยังคงสามารถปรับดีขึ้น ได้จากกลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคล
ความเสี่ยงหลักคือการฟื้นตัวช้าของการบริโภคภายในประเทศ
เรากำหนดราคาเป้าหมายที่ 23.9 เท่าของกำไรสุทธิในปี 2025F ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 1SD เนื่องจากปัจจัยลบต่อผลกำไรจากโครงการ Happitat ซึ่งปัจจุบัน CPALL ซื้อขายที่ P/E 19.1 เท่าของกำไรสุทธิในปี 2025F ความเสี่ยงหลักคือการฟื้นตัวช้าของการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงความเสี่ยงในการเพิ่มเงินลงทุนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต