“สนธิรัตน์” ชี้ 5 ทางออกวิกฤติน้ำมันแพง มองภาพระยะยาว
“สนธิรัตน์” ชี้วิกฤติพลังงานไม่จบในเร็วๆนี้ ระบุ 5 นโยบาย รัฐเลิกอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ วางมาตรฐานโครงสร้างค่าการกลั่นอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส จี้เอกชนหาแหล่งน้ำมันราคาถูก เข้มมาตรการประหยัดพลังงาน และวางยุทธศาสตร์พลังงานระยะยาว
วันนี้ (17 มิ.ย. 2565) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายสันติ กีระนันทน์ กรรมการบริหารพรรคและประธานกรรมการนโยบาย แถลงข้อเสนอทางออกวิกฤตราคาน้ำมันแพง เนื่องจากผลกระทบของสงคราม ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่ขณะนี้ขยับขึ้นแตะ 35 บาทต่อลิตร และมีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าต่างๆ ทยอยปรับขึ้นตามและจะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนอย่างหนัก
นายสิทธิรัตน์ กล่าวว่า สถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นส่งสัญญาณว่าวิกฤติพลังงานจะไม่สิ้นสุดลงในระยะสั้น ซึ่งหากรัฐบาลไม่เตรียมรับมือวิกฤติให้ดีจะส่งผลต่อประเทศในระยะยาว ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นผลระยะสั้นแล้วคือความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ลดลง
ทั้งนี้ พรรคสร้างอนาคตไทยจึงมีข้อเสนอ 5 ข้อไปถึงรัฐบาลโดยการพิจารณาภาพรวมในระยะยาว คือ 1. การสร้างสมดุลการอ้างอิงราคาสิงคโปร์ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไทยมีโรงกลั่นในประเทศ 6 แห่ง ดังนั้นเพื่อลดต้นทุนแฝงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง คือค่า FIL ได้แก่ ค่าขนส่งน้ำมันจากท่าเรือสิงคโปร์มายังโรงกลั่นในประเทศไทย ค่าประกันภัย และค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างขนส่ง ทั้งที่ไทยไม่ได้เป็นผู้ซื้อน้ำมันสำเร็จรูปแต่ผลิตน้ำมันสำเร็จรูปเองจากโรงกลั่นในประเทศ
2.ดูแลค่าการกลั่น ซึ่งในโครงสร้างค่าการกลั่นประกอบไปด้วย ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบที่กำหนดโดยผู้ผลิตน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าความสูญเสีย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่รัฐต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง โดยพิจารณาที่ต้นทุนที่แท้จริงและมีการกำหนดมาตรฐานที่ใช้ควบคุมราคาหน้าโรงกลั่นให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่ในช่วงเวลาวิกฤติแต่เป็นการสร้างมาตรฐานเพื่อควบคุมต้นทุนค่าพลังงานเพื่อส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
3.หาแหล่งพลังงานราคาถูก ให้รัฐกระตุ้นเอกชนเข้าหาแหล่งพลังงานราคาถูกซึ่งในช่วงภาวะวิกฤตินี้มีโอกาสจากการที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันและแก๊สทั่วโลกมีการแข่งขันกัน โดยต้นทุนน้ำมันดิบที่ถูกลง 10-20% จะช่วยลดภาระราคาน้ำมันที่ประชาชนต้องซื้อ รวมถึงภาระเงินอุดหนุนจากภาครัฐเช่นเดียวกัน
4.สร้างการรับรู้มาตรการประหยัดพลังงานที่เข้มข้น เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้กับประชาชนและสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการวางแผนและการบริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม
5.วางยุทธศาสตร์การใช้พลังงานระยะยาว แบ่งออกเป็น การสำรองน้ำมันภาวะวิกฤติ เนื่องจากไทยต้องพึ่งพึงการนำเข้าน้ำมันกว่า 80-90% จึงต้องมีการเก็บสำรองน้ำมันอย่างมียุทธศาสตร์เลือกเก็บน้ำมันราคาถูกไว้ในประเทศเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนราคาน้ำมันในภาวะวิกฤติ โดยจะต้องมีการศึกษาที่เก็บน้ำมันในประเทศเพิ่มเติม
รวมทั้งเสนอให้การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลายเป็นภาษีคาร์บอนเพื่อใช้ในการเตรียมพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศ และส่งเสริมให้ไทยเป็นประเทศผู้นำด้านพลังงานทางเลือกในอาเซียน ซึ่งในอนาคตพลังงานสะอาดจะกลายเป็นยุทธศาสตร์การค้าใหม่
นอกจากนี้ นายสันติ กีระนันทน์ กล่าวถึงประเด็นที่รัฐขอความร่วมมือโรงกลั่นนำส่งกำไรส่วนหนึ่งที่เกิดจากการกลั่นน้ำมันส่วนเกินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเป็นระยะเวลา 3 เดือน อาจไม่ได้รับความร่วมมือจากเอกชนเนื่องจากโรงกลั่นเป็นตลาดเสรี จึงได้เสนอให้รัฐใช้อำนาจในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน 3 โรงกลั่น การดำเนินทิศทางในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม โดยสร้างกลไกตลาดให้เกิดขึ้น โดยไม่เป็นการบังคับ