ปลัดพาณิชย์ แจง ค่ากลั่นน้ำมัน เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงานโดยตรง
ปลัดพาณิชย์ออกโรงแจงกรณีเสนอให้พาณิชย์ใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าดูแลค่าการกลั่นน้ำมัน ลั่น มีกฏหมายเฉพาะ ชี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังโดยตรง ด้านรองอธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้ พาณิชย์มีอำนาจดูเรื่อการการปิดป้ายแสดงราคา การตรวจสอบความถูกต้องเที่ยงตรงของหัวจ่ายน้ำมัน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีมีข้อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เข้ามากำกับดูแลค่าการกลั่นน้ำมันเพื่อช่วยให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงว่า ราคาน้ำมันเป็นสินค้าเฉพาะมีข้อกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล คือ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มาตรา 6(2) กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติไว้ว่า คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่วางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดราคาพลังงาน โดยให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการพัฒนาและบริหารพลังงานของประเทศ ถ้าดูกฎหมายนี้จะเห็นว่าคนเกี่ยวข้องกับราคาพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการเฉพาะคือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นเลขานุการ ) ซึ่งการกำหนดราคาหรือการวางหลักเกณฑ์เรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาและบริหารพลังงานแห่งประเทศด้วย เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของกระทรวงพลังงาน
ทั้งนี้กฎหมายนี้กำหนดเอาไว้ รวมทั้งมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับราคาพลังงาน และที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานระบุ อาจจะมีแนวคิดการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน โดย พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้ มาตรา 5 ให้มีการจัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานการณ์วิกฤติน้ำมัน จะเห็นชัดว่าราคาพลังงานเป็นเรื่องที่ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะมีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่บอกไว้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในภาวะวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง
นอกจากนี้มาตรา 27 พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้ว่าใครเป็นผู้ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมาตรา 27(1)โรงกลั่น 27(2) ผู้นำเข้า ก็จะเห็นอยู่แล้วว่ากองทุนมีหน้าที่อะไรในเวลาสถานการณ์วิกฤติ ใครควรเข้ามาบริหารจัดการและใครที่จะมีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุน คือ ผู้ผลิตน้ำมันในประเทศซึ่งเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันด้วย ซึ่งเป็นโรงกลั่น
การใช้เงินเข้ากองทุนให้เป็นไปตามคณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด ประธานคือกระทรวงพลังงาน ที่กระทรวงพลังงานให้ข่าวคือการใช้อำนาจตามกฎหมายที่กระทรวงพลังงานรับผิดชอบกำกับดูแลอย่างถูกต้องทางกฎหมายที่สุด กรณีใดๆที่เป็นสินค้าเฉพาะโดยหลักการของกฎหมายต้องไปว่าที่กฎหมายเฉพาะนั้นๆก่อน
ในส่วนที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแล พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีหลายคนถามว่าทำไมไม่ใช้ราคาตาม พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ ซึ่งขอชี้แจงงว่า โดยหลักการของกฎหมาย หากมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับเรื่องใด นักกฎหมายย่อมเข้าใจดีว่าต้องเดินเริ่มจากตรงนั้นเพราะกฎหมายกำหนดไว้ให้เห็นชัดเจนแล้วถ้าไปดูใน พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติท้ายกฎหมายจะเขียนไว้ ด้วยว่า การบริหารพลังงานของประเทศ กระจัดกระจายตามหน่วยงานต่างๆดังนั้น เพื่อให้มีเอกภาพจึงได้จัดตั้ง คณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้การบริหารจัดการเรื่องพลังงานมีเอกภาพ ดังนั้นกฎหมายชัดเจนที่สุด วัตถุประสงค์ ข้อกำหนด ที่มาเรื่องการมีกฎหมายฉบับนี้ ณ เวลานี้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายจึงอยู่ตามกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าว เพื่อตอบคำถามหลายข้อโดยเฉพาะในสังคมโซเชียลมีเดีย ขอให้เข้าใจว่าไม่ได้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่แรก
ส่วนกรณีที่มีคนกล่าวอ้างว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กกร.โดยตำแหน่งและในกฎหมายกำหนด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าควบคุม อยู่ในอำนาจของประธาน กกร.อยู่แล้วและไปสัมพันธ์กับ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลหรือไม่ นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ LPG มีการประกาศราคาโดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงพลังงานเป็นคนกำหนดราคา LPG ที่จะมีการปรับราคาขึ้นราคาเป็นขั้นบันไดว่า เดือนละเท่าไหร่ต่อครั้ง เราจะเห็นว่ากระทรวงพลังงานเป็นคนประกาศ ด้วยเหตุผลที่บอกแล้วและใช้เงินกองทุนในเรื่องนั้น วิธีการบริหารโดยใช้กฎหมายที่เขามีอยู่
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ มีหน้าที่ดูแลและกำกับราคาเมื่อกระทรวงพลังงานประกาศราคาออกมาแล้ว หากใครขายเกินกว่านี้กระทรวงพาณิชย์อาศัยมาตรา 29 คือ ผู้ใดจงใจจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร มีโทษผิดพระราชบัญญัติราคา เช่น กระทรวงพลังงานแจ้งราคาถังละ 380 บาท ถ้าใครขาย 400 บาท ดังนั้นคำถามคือ เพราะเหตุใดกระทรวงพลังงานประกาศราคา LPG ได้ แต่พอมาราคาน้ำมันเหตุใดบางคนจึงมาบอกว่าให้กระทรวงพาณิชย์เป็นคนกำกับดูแล
ด้านร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตามที่มีข้อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เข้ามากำกับดูแลค่าการกลั่นน้ำมันเพื่อช่วยให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงนั้น ขอเรียนว่าธุรกิจพลังงานถือเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะที่มีความซับซ้อนตลอดห่วงโซ่อุปทาน การกำกับดูแลจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญและมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจด้านพลังงาน รวมทั้งโครงสร้างต้นทุนและราคาพลังงาน ที่สำคัญการตัดสินใจในการกำหนดมาตรการใดๆ จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน
กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล บริหารจัดการ และมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ.2535 ที่ให้อำนาจคณะกรรมการฯ ในการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดราคาพลังงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศ อีกทั้งยังมีกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศด้วย ทั้งนี้เป็นหน้าที่ตามกฏหมายของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์ แต่แม้กระทรวงพาณิชย์จะไม่ใช่หน่วยงานหลักแต่ก็พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่
“การใช้อำนาจ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของกระทรวงพาณิชย์จะใช้ในการกำกับดูแลสินค้าทั่วไปที่ไม่มีกฎหมายหรือกลไกเฉพาะ เช่น กรณีสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ได้มีการกำหนดมาตรการให้สถานีบริการน้ำมันปิดป้ายแสดงราคา และมีการตรวจสอบความถูกต้องเที่ยงตรงของหัวจ่ายน้ำมันมาอย่างต่อเนื่อง”ร.ต.จักรา กล่าว