ฟิลิปปินส์ยุติการไต่สวนเซฟการ์ดเม็ดพลาสติกไทย
กรมการค้าระหว่างประเทศ แจ้งข่าวดี ฟิลิปปินส์ประกาศยุติการไต่สวนเพื่อใช้มาตรการปกป้องเนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติกเพิ่มสูงขึ้น จบปัญหาเรื้อรังนานนับปี ชี้ ปัจจัยบวกหนุนส่งออกเม็ดพลาสติกไทย
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2565 กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (DTI) ฟิลิปปินส์ได้ประกาศยุติการไต่สวนการใช้มาตรการปกป้องเนื่องจากมีการนำเข้า (Safeguard Measure) สินค้าเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นต่ำเพิ่มสูงขึ้น (LLDPE) หลังจากคณะกรรมาธิการภาษีได้ออกรายงานผลการไต่สวนอย่างเป็นทางการว่าไม่พบปริมาณการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากตามที่มีการกล่าวหา จึงไม่มีเหตุผลที่จะใช้มาตรการปกป้องในสินค้าเม็ดพลาสติก LLDPE และให้ยุติการไต่สวน เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2565 ถือเป็นการจบปัญหาและข้อกังวลของอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกที่เรื้อรังมาตั้งแต่ปลายปี 2563 อย่างสวยงาม
ที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีภัณฑ์ของฟิลิปปินส์ได้ยื่นคำขอให้รัฐบาลฟิลิปปินส์พิจารณาใช้มาตรการปกป้องเนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติก LLDPE เพิ่มสูงขึ้น หรือมาตรการเซฟการ์ด โดยสินค้าเม็ดพลาสติก LLDPE มักถูกนำไปใช้เพื่อผลิตถุงหรือฟิล์มพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร ซึ่งกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (DTI) ได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนเบื้องต้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563 และพบว่าคำขอดังกล่าวมีมูล จึงเห็นควรให้คณะกรรมาธิการภาษีดำเนินการไต่สวนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ได้ดำเนินการโต้แย้งการพิจารณาใช้มาตรการปกป้องของรัฐบาลฟิลิปปินส์อย่างจริงจังและเข้มข้นมาโดยตลอด ตั้งแต่ชั้นการรับคำขอ ผลการพิจารณาขั้นต้น การไต่สวนอย่างเป็นทางการ รวมถึงการมีถ้อยแถลงในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เพื่อเรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ยุติการไต่สวนและไม่ให้บังคับใช้มาตรการปกป้องในสินค้าดังกล่าว
“ การยุติการไต่สวนมาตรการปกป้องในครั้งนี้ จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกไทย เนื่องจากได้สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้นำเข้าฟิลิปปินส์ว่าสินค้าเม็ดพลาสติกนำเข้าจากไทยจะปลอดจากภาระอากรปกป้อง”นายพิทักษ์ กล่าว
สำหรับกลุ่มสินค้าเม็ดพลาสติกเป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 4 ของมูลค่าส่งออกไปทั่วโลกของไทย โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ประมาณปีละกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของสินค้าเม็ดพลาสติก LLDPE มูลค่าการส่งออกในปี 2564 อยู่ที่ 57,000 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปี 2565 อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 คิดเป็นประมาณ 60% ของมูลค่าการส่งออกรวม ตามด้วย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย สำหรับฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 9 โดยในปี 2564 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปี 2565 อยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 %จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าตลาดฟิลิปปินส์อาจมีขนาดไม่ใหญ่เมื่อเทียบกับตลาดส่งออกสำคัญอื่นของไทย และในช่วงปีที่ผ่านมา การนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติก LLDPE ของฟิลิปปินส์ลดลง อันป็นผลมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปิดไต่สวนมาตรการปกป้อง หากแต่ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถือได้ว่าฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกที่มีอนาคตของไทย โดยไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ถึง 25% ของการนำเข้าสินค้านี้ในตลาดฟิลิปปินส์การยุติการไต่สวนมาตรการปกป้องจึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้นำเข้าฟิลิปปินส์ในการนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติกจากไทย