พิษเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อพุ่งฉุดดีมานด์อสังหาฯชลบุรีเปิดโครงการลดลง6-8%
นายกสมาคมอสังหาฯ ชลบุรี เผยปัจจัยลบฉุดตัวเลขเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง 6-8% ขณะที่ดีมานด์สะดุด “ออริจิ้น” แนะผู้ประกอบการคุมต้นทุน ดึงพาร์ทเนอร์พัฒนาสินค้าเน้นตอบโจทย์ตรงใจ
นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า ในปี 2565 โครงการเปิดใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และคอนโดมิเนียม มี 4,000 ยูนิต ในทำเลย่านนิคมอุตสาหกรรมพานทอง อมตะซิตี้ บางแสน ศรีราชา โดยสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวรวมถึงภาวะเงินเฟ้อทำให้โครงการเปิดใหม่ลดลง 6-8% โดยเฉพาะคอนโดอัตราการเปิดใหม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นแนวราบเพราะยังมีความต้องการอยู่พอสมควรทำให้ตลาดไปได้ค่อนข้างดี
สำหรับ คอนโด ช่วงหลังโควิด-19 ทำเลที่ยังขายได้อยู่ที่บางแสน ศรีราชาและพัทยาในระดับราคาที่ไม่แพง จากข้อมูลพบว่าอัตราเยี่ยมชมโครงการลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากผู้บริโภคกังวลปัจจัยลบอย่างสงครามยูเครน-รัสเซีย ภาวะเงินฟ้อ ราคาน้ำมัน ล้วนมีผลต่อความเชื่อมั่นในอนาคต ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ อัตราการจองซื้อลดลง
อย่างไรก็ตาม ทำเลอีอีซีมีศักยภาพที่เติบโตในอนาคตจากการที่มีสนามบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ ฯลฯ แต่ความคืบหน้าในส่วนการลงทุนยังน้อย ดังนั้นเมื่อเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ คนที่ซื้อบ้านในภาคตะวันออกคนส่วนใหญ่ 80% เป็นคนที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม ทำให้คนกลุ่มนี้มีความกังวลใจมาก โดยเฉพาะบ้านในเซกเมนต์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ส่วนบ้านที่ขายดีอยู่ในระดับ 2-3 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮ้าส์ ส่วนราคา 3-5 ล้านบาท เป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว ซึ่งปัจจุบันตลาดทาวน์เฮ้าส์ชะลอตัวมาก แม้จะมียูนิตเปิดขายมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนหนึ่งมาจากการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารช้าและกฏเกณฑ์มากขึ้นเสมือนการปฏิเสธสินเชื่อทางอ้อม
นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในปี 2565 ในระดับ 7% มองได้ 2 มุมคือเป็นอุปสรรคและโอกาสในการทำธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งในวิกฤติที่เกิดขึ้นอาจทำให้เงินหายไป 7% แต่อสังหาฯ เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าชนะเงินเฟ้อได้ถือเป็นโอกาสของผู้ซื้อ
"เงินเฟ้อ น้ำมันแพง เป็นวัฏจักรของการทำธุรกิจที่มักเกิดขึ้นทุก 7-8 ปี ในมุมมองของออริจิ้น ขึ้นอยู่กับว่าทุกวิกฤติจะบริหารจัดการอย่างไรเพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ผู้ประกอบการต้องคุมต้นทุน หาพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าตรงใจที่สุด”
หากมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 4% สะท้อนการบริโภคดีขึ้น การส่งออกขยายตัว การลงทุนภาคเอกชนเริ่มกลับมาถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนอีอีซี มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมไอที การบิน การแพทย์ กระจายตัวในจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่น จีน และเนเธอร์แลนด์ สนใจลงทุนทั้งหมดในพื้นที่อีอีซี ราว 80%
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันจำนวนของคนที่เข้าไปทำงานในอีอีซีที่มีฝีมือระดับผู้จัดการ ผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรม ต่างๆ มีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน ไม่นับรวมธุรกิจบริการ นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์ หุ่นยนต์ ฯลฯ จำนวนมาก จึงเป็น “โอกาส” พัฒนาโครงการอสังหาฯ ครบวงจร จึงเกิดแนวคิดพัฒนาโครงการ “สมาร์ทซี้ตี้” เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยรวมทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ เน้นราคาตอบโจทย์กำลังซื้อของกลุ่มคนทำงานในพื้นที่นั้นๆ
ยกตัวอย่าง ออริจิ้นสมาร์ทซิตี้ ระยอง ปัจจุบันมีโครงการคอนโด 7 โครงการแล้วเสร็จ 3 โครงการ บนพื้นที่ 20 ไร่ มีคอมมูนิตี้มอลล์และโรงแรม 200 ห้อง คาดเสร็จปี 2566
“ทำเลศรีราชา ถือเป็นไข่มุกเม็ดงามของอีอีซี เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสสูงมาก มีท่าเรือน้ำลึก มีภาคบริการและอุตสาหกรรม รวมทั้งสาธารณูปโภคที่ภาครัฐลงทุน ทำให้บริษัทลงทุนทำคอนโดที่ศรีราชาในรูปแบบสมาร์ทซิตี้ ซึ่งขายหมดแล้ว”
ปัจจุบันมีโครงการแฮมป์ตัน ศรีราชา บาย ออริจิ้น แอนด์ ดุสิต ขายไปแล้ว 90% ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อเพื่อการลงทุนเพราะดีมานด์เช่ามาก และผลตอบแทนสูง 5-9% จากกลุ่มคนญี่ปุ่นที่เข้ามาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา