กำลังซื้อลดดันตลาดรถมือสองเติบโตขึ้น 5%

ภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองในปีที่ผ่านมา แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่กลับทำให้เกิดความต้องการรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น จากความต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ 

สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ระบุว่าตลาดธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว มีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ในปี 2564 เติบโตประมาณ 10 - 15% สำหรับรถยนต์นั่ง และขยายตัว 1.5 - 3.5% สำหรับรถบรรทุก โดยในปี 2565 ราคารถมือสองของไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง

ทิศทางตลาดรถยนต์มือสองในปี 2565 จะยังมีแนวโน้มที่ดี ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง เพราะได้เปรียบเรื่องราคาเมื่อเทียบกับรถใหม่ อีกทั้งรถยนต์มือสองในปัจจุบันมีอายุการใช้งานไม่มาก ยังอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันทำให้ลูกค้ามีทางเลือกและมั่นใจในการซื้อรถมือสองมากขึ้น

เจ้าของเต๊นท์รถบ้านชาตรี ย่านศรีนครินทร์ ชาตรี ทองธัญญะ บอกว่า หลังจากการระบาดของโควิดกว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลงไปมาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้นขณะนี้จะเป็นรถยนต์ที่มีราคาไม่สูงมาก ส่วนรถราคาที่สูงขึ้นมายอดขายยังไม่มากนักตามกำลังซื้อของประชาชนตอนนี้ ส่วนแนวโน้มความต้องการของตลาดมองว่าคนจะหันมาใช้รถที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่แพงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ายอดขายในตลาดรถยนต์มือสองปี 2565 จะเติบโตได้ในช่วง 3-5% หรือคิดเป็นปริมาณการซื้อขายรถยนต์มือสองราว 6-7 แสนคัน ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อรถยนต์มือสอง มีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 5-7% ที่ระดับประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนราคารถยนต์มือสองให้ดีขึ้นตามความต้องการใช้รถ สภาพรถ และรถออกสู่ตลาดลดลง รวมถึงธนาคารบางแห่งมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรถยนต์มือสองมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากสินเชื่อ  

นอกจากนี้ จากภาวะเงินเฟ้อที่มีผลกระทบต่ออำนาจซื้อของครัวเรือน ซึ่งแม้จะกดดันความสามารถในการซื้อรถมือหนึ่ง แต่ก็กลายเป็นปัจจัยที่ยังสนับสนุนตลาดรถมือสอง และความต้องการสินเชื่อรถมือสองที่ประคองการเติบโตไว้ได้ โดยการที่ธนาคารพาณิชย์ให้ความสนใจเข้าสู่ตลาดนี้เพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อผู้กู้ยืมที่มีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
ทีมข่าวเนชั่นทีวี รายงาน