อ่อนตัว หุ้นรายงานพิเศษ HFT (29 มิ.ย. 65)
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้น มีแรงซื้อเร่งตัวในภาคบ่าย ทำให้ดัชนีปิด +14 จุด จากแรงซื้อในหุ้น Big Cap. ทั้งกลุ่มพลังงาน ขนส่ง และค้าปลีก คาดเป็นการทำ Window dressing ช่วงปิดไตรมาส
ขณะที่นักลงทุนติดตามตัวเลข GDP สหรัฐที่จะรายงานในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,594.47 จุด +14.27 จุด +0.90% มูลค่าการซื้อขาย 60,346 ลบ. ต่างชาติ +2,641.27 ลบ. TFEX +15,708 สัญญา ตราสารหนี้ -226.60 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.19 ดอลลาร์ +2% ปิดที่ 111.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียและ UAE ไม่มีแนวโน้มเพิ่มการผลิตน้ำมันเนื่องจากกำลังการผลิตใกล้เต็มศักยภาพแล้ว สะท้อนให้เห็นว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น
+ เกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 10.1%YoY ได้แรงหนุนจากอุปสงค์สินค้าจำพวกเครื่องแต่งกายและการบริการอื่น ๆ ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19
+ กรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ และนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเมืองไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศจีนอยู่ที่ 22 ราย
+ ครม.ไฟเขียวเว้นภาษีนำเข้า Car Seat จนถึงสิ้นปี 2566 ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายประชาชน และเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย พร้อมเว้นภาษี VAT สำหรับผู้ประกอบการ Data Center หวังสนับสนุนให้เกิดการลงทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาและบริการ
+ ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการโครงข่ายคมนาคม 77 โครงการ กรอบวงเงินรวม 337,797 ล้านบาทของ EEC ส่งเสริมการจ้างงาน พัฒนาพื้นที่ลงทุนและการท่องเที่ยว
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,569 ราย มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รักษาหาย 1,984 ราย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 491.27 จุด -1.56% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง หลังมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงสู่ระดับ 98.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.0 จากระดับ 103.2 ในเดือนพ.ค. โดยผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
- นาโตจะเพิ่มจำนวนทหารในการเตรียมความพร้อมระดับสูงขึ้นมากกว่า 7 เท่าเป็น 300,000 นาย ในขณะที่ชาติพันธมิตรเตรียมใช้กลยุทธ์ใหม่ซึ่งระบุว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อสงครามยูเครนที่ดำเนินมาเป็นเวลา 4 เดือน
- เยอรมนีเปิดเผยคาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. เนื่องจากสงครามยูเครนและห่วงโซ่อุปทานที่ชะงักงันส่งผลให้ราคาพลังงานและอาหารยิ่งสูงขึ้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องช่วยพยุงตลาด มองกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ 1,585-1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• กนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลัง KBANK SCB BBL KTB TISCO
• ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของภาครัฐ : ERW CENTEL BA AAV AOT ASAP SPA
• หุ้นที่เข้าคำนวณดัชนีครึ่งปีหลัง : SET50 เข้า BLA JMT JMART ออก COM7 RATCH STGT , SET100 เข้า FORTH ONEE PSL TIPH ออก BPP RS SIRI TVO
• ครม.เว้นภาษี VAT สำหรับผู้ประกอบการ Data Center : ICN ITEL MFEC INSET
หุ้นรายงานพิเศษ
HFT (Bloomberg Consensus 8.00 บาท)
ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
•1Q65 มีรายได้จากการขาย 925.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.04%YoY โดยสัดส่วนยอดขาย แบ่งเป็น ตลาดยุโรป ประมาณ 48%, เอเชีย ประมาณ 22%, ไทย ประมาณ 21% และอเมริกา ประมาณ 8% อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น แม้ที่ผ่านมาจะมีการขึ้นราคาขายไปพอสมควรแล้ว ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 98.72 ล้านบาท ลดลง 26.99%YoY
•บริษัทมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2Q65 น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่า 1Q65 ที่ถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของปี 2565 หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น นอกจากนี้ในช่วง 3Q65 ประมาณเดือน ก.ค. จะมีการปรับราคาขายยางจักรยานขึ้นประมาณ 4-5% และปรับราคาขายยางมอเตอร์ไซค์ ประมาณ 5-8% โดยหลังจากที่มีการปรับขึ้นราคาอัตรากำไรขั้นต้น น่าจะมากกว่า 20% ดังนั้น ในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 15%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับช่วง 2H65 จะมีการปรับขึ้นราคาขาย ซึ่งจะสามารถทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น ประกอบกันบริษัทมีแผนจะลดต้นทุนพลังงาน โดยการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ประมาณ 160 ล้านบาท โดยทาง BOI เข้ามาช่วยครึ่งหนึ่ง โดยราคาปัจจุบันยังมี Upside จากราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus ที่ 8.00 บาท แนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BEAUTY (Bloomberg consensus 1.30 บาท) รับอานิสงส์เปิดประเทศ หนุนผลงานครึ่งปีหลัง 2565 ดีกว่าครึ่งปีแรก ยอดขายทั้งในและต่างประเทศทยอยฟื้นตัว เดินหน้าปรับปรุงสาขา เพิ่มช่องทางธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด Shop License แห่งแรก และจุดจำหน่ายในร้านค้าพันธมิตร EVEANDBOY ปั๊มยอดขาย พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง เพิ่มความสามารถการทำกำไร (ที่มา ทันหุ้น)
(+) VRANDA (Bloomberg consensus 7.08 บาท) รับอานิสงส์เปิดประเทศ การท่องเที่ยวฟื้นตัวเด่น นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม หวังผลงานไตรมาส 2/65 กลับมาเทิร์นอะราวด์ หลังอัตราการเข้าพักเฉลี่ยขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 50% ทั้งปีคาดจะถึงระดับ 60-70% หนุนผลประกอบการทั้งปีเป็นบวก หากไม่เกิดการแพร่ระบาดโควิดที่รุนแรงอีก ลุยขยายโปรเจ็กต์ใหม่ที่หัวหินและภูเก็ต ต่อยอดการเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TIGER (Bloomberg consensus - บาท) ลั่นปี 65 ผลงานเทิร์นอะราวด์ แววรายได้เฉียด 900 ล้านบาท อานิสงส์งานทะลักอื้อ เปรยล่าสุดซิวงานใหม่ราว 500-600 ล้านบาท คาดเซ็นสัญญาช่วงครึ่งหลังปีนี้ หนุน Backlog พุ่ง จากเดิม 900 ล้านบาท แจงราคาวัสดุก่อสร้างขึ้นไม่กระทบโครงการใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) RS (Bloomberg consensus 20.00 บาท) ฉายแววผลงานครึ่งหลังปี 2565 เด่น ธุรกิจสื่อมีการฟื้นตัวที่ค่อนข้างชัดเจน หลังเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศกลับมาดี หนุนเม็ดเงินลงทุนในสื่อโฆษณากลับมาขยายตัว กางแผนจัดคอนเสิร์ต 2-3 งาน พร้อมคาด ULife เข้ามาเพิ่มฐานลูกค้าและการเติบโต เล็งส่ง "เชฎฐ์เอเชีย" เข้าตลาดหลักทรัพย์ Q4/2565 (ที่มา ทันหุ้น)