BIZ ปรับลดประมาณการปี 65 จากงานประมูลต่ำกว่าคาด
รายงานกำไร 1Q65 ที่ 35 ลบ. ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ หดตัว 58%YoY แต่เติบโต 37%QoQ : งวด 1Q65 บริษัทมีรายได้ 328 ลบ. ทรงตัว QoQ แต่หด 40%YoY
เนื่องจากในไตรมาสนี้การส่งมอบเครื่องฉายรังสีมูลค่าไม่ได้สูงเท่ากับ 1Q64 แต่รายได้จากการบริการและรายได้จากโรงพยาบาลยังเติบโตจากปีก่อนที่ 74.7 ลบ. และ 22.5 ลบ. เติบโต 38%YoY และ 24%YoY ตามลำดับ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 20.5% ในไตรมาสก่อนสู่ 19.7% เนื่องจากต้นทุนขายและต้นทุนในการบริการปรับตัวขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลง 44%QoQ จาก 31.9 ลบ.สู่ 17.8 ลบ. หากคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ปรับตัวลงจากระดับ 13.3% สู่ 7.75% เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาทางด้านการเงินและกฎหมาย ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิใน 1Q65 ที่ 35 ลบ. หดตัว 58% YoY แต่เติบโต 37%QoQ โดยกำไร 1Q65 คิดเป็นเพียง 16% ของประมาณการเดิมที่ 212 ลบ.
- ปี 65 งบประมาณสาธารณสุขลดลง 2%YoY สู่ 1.18 แสนลบ. : รัฐบาลได้ปรับลดงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขปี 65 ลงจากปี 64 ราว 2% สู่ 118,415 ลบ. โดยปรับลดงบของกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติลง 11% 12% 12% และ 7% ตามลำดับ เหลือ 7.8 พันลบ. 3.5 พันลบ. 1.2 พันลบ. และ 1.3 พันลบ. ตามลำดับ แม้ว่างบประมาณสาธารณสุขจะลดลงจากปี 64 แต่ทางบริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งเพิ่มราว 500-700 ลบ. และมี Backlog ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 65 ราว 1.31 พันลบ.
- คาดธุรกิจโรงพยาบาลเริ่มสร้างกำไรในปี 65 : โรงพยาบาล CAH มีรายได้ 1Q65 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 22.5 ลบ. ตามตารางที่แสดงด้านบน แต่มีผลขาดทุนราว 0.66 ลบ. โดยถูกกดดันจากดอกเบี้ยเงินกู้และค่าเสื่อมราคาราว 2.6 ลบ.ต่อไตรมาสและ 4.09 ลบ.ต่อไตรมาสตามลำดับ และมีรายได้ปี 64 ที่ 75 ลบ. เติบโต 142%YoY โดยปี 64 มีผลขาดทุนลดลงเหลือ 5.2 ลบ. ลดลงจากปี 63 ที่มีผลขาดทุน 42 ลบ. ทั้งนี้ เราคาดว่าปี 65 ธุรกิจโรงพยาบาลจะเริ่มสร้างกำไรเนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังได้รับเงินจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิราว 280 ลบ. ภายในต้น 4Q65
- คาดย้ายเข้า SET ภายใน 3Q65 : บริษัทประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้น (2 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่) เพื่อให้ทุนจดทะเบียนและจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 200 ลบ. และ 400 ล้านหุ้นสู่ 300 ลบ. และ 600 ล้านหุ้นตามลำดับ (XD ในวันที่ 21 เม.ย. 65) ส่งผลให้บริษัทผ่านเกณฑ์เข้าจดทะเบียนใน SET ทั้ง 4 ข้อ 1) ทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 300 ลบ. 2) พาร์มากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 บาทต่อหุ้น 3) กำไรรวม 4 ไตรมาสล่าสุดมากกว่า 50 ลบ. และ 4) จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 1,000 ราย ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างยื่นคุณสมบัติเพื่อให้ SET พิจารณาและคาดว่าจะย้ายจากตลาด MAI สู่ SET ภายในปี 3Q65
- ปรับลดประมาณการปี 65 และ 66 จากประมูลงานได้ต่ำกว่าคาด : เราปรับประมาณการรายได้ปี 65 ลงจาก 1.88 พันลบ. เหลือ 1.51 พันลบ. (รายได้ 1Q65 คิดเป็น 22% ของทั้งปี ลดลง 20% จากประมาณการเดิม) ลดลง 49% จากปี 64 ที่มีการส่งมอบงานใหญ่ โดยการประมูลงานใหม่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะได้งานราว 1.5 พันลบ.เหลือ 1.1 พันลบ. ทั้งนี้ Backlog ณ 18 พ.ค. 65 อยู่ที่ 1.31 พันลบ. ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบในปี 65 ราว 888 ลบ. และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีกราว 500-700 ลบ. โดยเราคาดว่าจะได้งานราว 400-500 ลบ. ซึ่งงานที่ประมูลได้จะบันทึกเป็นรายได้ในปี 66 ทั้งนี้เราคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20% เราจึงปรับลดประมาณการกำไรลงจาก 212 ลบ. เหลือ 182 ลบ. (กำไร 1Q65 คิดเป็น 19% ของทั้งปี) ลดลง 14% จากประมาณการเดิม และลดลงจากปี 64 ราว 57% เนื่องจากไม่มีการส่งมอบงานใหญ่เหมือนปี 64 ขณะที่ปี 66 เราปรับประมาณการรายได้และกำไรลงจาก 1.93 พันลบ. และ 236 ลบ. สู่ 1.63 พันลบ.และ 202 ลบ. (ลดลง 14% จากเดิม) เติบโต 8% และ 11% ตามลำดับ
- คงคำแนะนำ “ถือ” ปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 6.58 บาท จากหุ้นปันผล และปรับลดประมาณการ : เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี SOTP ได้ราคาเหมาะสมธุรกิจติดตั้งเครื่องฉายรังสีลดลงจาก 9.14 บาท เหลือ 6.25 บาท โดยคำนวณ P/E ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 22 เท่า และประเมินราคาเหมาะสมโรงพยาบาลมะเร็งอีก 0.33 บาท/หุ้น (อิง PBV 1 เท่าซึ่งเป็นไปตามหลักระมัดระวัง บริษัทถือหุ้นโรงพยาบาลฯ 65%) ได้ราคาเหมาะสมใหม่ 6.58 บาท จากเดิม 9.47 บาท ทั้งนี้ราคาเหมาะสมลดลงเนื่องจากเนื่องจากการจ่ายหุ้นปันผล (2 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่) ดังนั้นแม้ราคาหุ้นจะลดลงแต่ผู้ถือหุ้นได้จำนวนหุ้นมากขึ้น ทั้งนี้เราใช้วิธี Fully diluted ในการคำนวณจำนวนหุ้นแทนวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักแต่ละไตรมาสทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 510 ล้านหุ้นเป็น 640 ล้านหุ้น (หุ้นปันผล 200 ล้านหุ้นและการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ 40 ล้านหน่วย) นอกจากนี้มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 65 ลงหลังได้งานประมูลต่ำกว่าที่เราคาดไว้ เราคงคำแนะนำ “ถือ” โดย catalyst ของหุ้นลดลง เนื่องจากผลประกอบการปี 65 หดตัวจากปีก่อน อีกทั้งได้จ่ายหุ้นปันผลไปแล้วในเดือน เม.ย.
ปัจจัยเสี่ยง
i) การส่งมอบงานล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้
ii) ปี 65 รายได้และผลประกอบการอ่อนตัวจากปี 64
iii) การประมูลงานใหม่ล่าช้าและการแพร่ระบาดของ COVID ทำให้ส่งมอบงานล่าช้า