“กอบศักดิ์”ชี้เงินยูโร อ่อนค่ามากสุดรอบ 20 ปีสะท้อนความต่างนโยบายเฟด-ECB

“กอบศักดิ์”ชี้เงินยูโร อ่อนค่ามากสุดรอบ 20 ปีสะท้อนความต่างนโยบายเฟด-ECB

“กอบศักดิ์” ชี้เงินยูโรอ่อนค่ามากสุดรอบ 20 ปี สะท้อนความต่างนโยบายเฟด-ECB โดยวานนี้ อ่อนค่าลงไปแตะระดับ 1.0162 ดอลลาร์/ยูโร ระบุ หากอ่อนค่าต่อเนื่อง จะถือเป็นอีกรอบที่เงินดอลลาร์มีค่ามากกว่าเงินยูโรหลังจากที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2000-2002

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวระบุหัวข้อว่า อ่อนทำสถิติ กันถ้วนหน้า !!  โดยเมื่อวานนี้ ค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลงไปแตะระดับ 1.0162 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นการอ่อนลงอย่างรวดเร็วประมาณ 2.3% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เงินยูโรทำสถิติอ่อนค่ามากสุดในรอบ 20 ปี !!! พร้อมลงไปแตะระดับ 1 ดอลลาร์ = 1 ยูโร

เขาระบุว่า ถ้าค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่องลงกว่านั้น ก็จะเป็นอีกรอบที่ "เงินดอลลาร์มีค่ามากกว่าเงินยูโร" หลังจากที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2000-2002 หากเป็นเช่นนี้ ก็จะมีความหมายมากที่นอกจากจะมีนัยต่อ "คนที่เก็งกำไรค่าเงินในระยะสั้น" แล้ว ค่าเงินยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจด้วย

การที่เงินยูโรลดค่าลงมาที่ 1 ดอลลาร์/ยูโร จากที่เคยสูงสุดประมาณ 1.6 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อปี 2008 (ระหว่างที่เศรษฐกิจยุโรปเฟื่องฟูมาก จากการผสานเป็นเนื้อเดียวกับยุโรปตะวันออก ที่เปิดประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวได้ดีอย่างยิ่งในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ Subprime) หมายความว่า คนอเมริกาสามารถซื้อสินทรัพย์ และสินค้าต่างๆ จากยุโรปด้วยเงินที่ลดลงถึง 60%

หากคิดจะซื้อโรงแรม ที่ดิน บริษัท จากที่เคยต้องจ่าย 1.6 พันล้านดอลลาร์ ก็จะลดลงเหลือเพียง 1 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น !!! สะท้อนถึงความมั่งคั่ง และฐานะของยุโรปที่ลดลงโดยเปรียบเทียบไปในตัว

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะปัจจัยสำคัญ 2-3 ด้าน

(1) ความแตกต่างของเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรป ซึ่งล่าสุด ดูเหมือนว่ายุโรปกำลังจะมีปัญหามาก และชะลอตัวลงกว่าคาด จากผลของสงครามที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ดัชนี EURO STOXX 50 ซึ่งเป็นดัชนีของบริษัทชั้นนำของยุโรป ที่ได้ลดลงไป 12.5%

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของเยอรมนี ได้ลดต่ำลงไปกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดไปแล้วประมาณ 10% เช่นกัน

นอกจากนี้ เยอรมนีซึ่งเป็นหัวรถจักรสำคัญที่สุดของยุโรป กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดดุลบัญชีการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานในยุโรปที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าของเยอรมนีพุ่งสูงขึ้น การส่งออกจึงหดตัวลง 0.5% ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงานโลก และยิ่งรัสเซียตอบโต้กลับ โดยลดการส่งก๊าซให้กับยุโรป และอาจจะตัดเลยในอนาคต เศรษฐกิจยุโรปก็อาจจะเข้าสู่ภาวะ Recession ต่อไปได้

(2) ความแตกต่างของนโยบายเฟด และ ECB ซึ่งเฟดมีความชัดเจนมากเรื่องการสู้กับเงินเฟ้อ ขณะที่ ECB ยังรีรอ อ่านสถานการณ์ ยิ่งตลาดแรงงานของสหรัฐยังไปได้ แต่เศรษฐกิจยุโรปอาจจะเกิดปัญหา ความแตกต่างของนโยบายก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น

เรื่องนี้ ทำให้เงินไหลจากยุโรปไปสหรัฐ และส่งผลต่อค่าเงิน ทั้งหมด จึงทำให้เงินยูโรที่ปกติแล้วจะอยู่ระหว่าง 1.1 - 1.2 ดอลลาร์/ยูโร ด้อยค่าลง กลายเป็นอีกสกุลเงินที่อ่อนทำสถิติใหม่ ช่วยเพิ่มสีสันให้กับ Economic Turbulence 2022 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์