เปิด “3 เศรษฐีหน้าใหม่” ปีนี้ ติดโผ 1 ใน 50 คน “รวย”

เปิด “3 เศรษฐีหน้าใหม่” ปีนี้ ติดโผ 1 ใน 50 คน “รวย”

สแกน “3 นักธุรกิจ” ติดโผทำเนียบ 1 ใน 50 “เศรษฐีหน้าใหม่เมืองไทย” ปี 2565 !! หลังความ “รวย” มั่งคั่งเพิ่มพูน ตาม Capital Gain ขณะที่บัลลังก์ธุรกิจไม่สะเทือนผลประกอบการเติบโต แม้การแพร่ระบาดโควิด-19 รุมเร้า

“รวยธุรกิจ” & “รวยหุ้น” ความโดดเด่นในรูปของ “มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด” (Market Capitalization) และ “ผลประกอบการรายได้-กำไร” เติบโตต่เนื่อง ! ในปี 2565 คงต้องยกให้กับ “3 นักธุรกิจ” ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ จนกลายเป็นการเกิดขึ้นของ “3 เศรษฐีหน้าใหม่” ที่ติดโผการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีเมืองไทย ประจำปี 2565 จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร “ฟอร์บส ไทยแลนด์”

การเกิดขึ้นของ 3 เศรษฐีหน้าใหม่ ที่ติดทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีในปีนี้ มาจาก 3 นักธุรกิจ 

  • “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร “เจมาร์ท” (JMART) 
  • “สุระ คณิตทวีกุล” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่ง “คอมเซเว่น” (COM7)
  • “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” ผู้ร่วมก่อตั้งคลินิกเสริมความงามพงศ์ศักดิ์และยังเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) (Value Investor) หรือ “วีไอ”

ที่พิสูจน์ฝีมือจากการเติบโตของธุรกิจจนสร้าง “ความมั่งคั่ง” (Wealth) ให้พุ่งทะยาน ประเมินจาก “กำไรจากส่วนต่างของราคา” (Capital Gain) ที่ขยับเพิ่มขึ้น แตะระดับพันล้านไปจนถึงหมื่นล้าน... 

“กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” เปิดเส้นทาง “ความร่ำรวย” ของ 3 เศรษฐีหน้าใหม่นักธุรกิจ...!! ติดโผการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 

ความมั่งคั่งทั้งเครือแตะระดับ “แสนล้าน” ขึ้นแท่นธุรกิจ “เติบโตไม่หยุด !” นิยามดังกล่าวคือ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่ง “เจมาร์ท” ติดในรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในอันดับที่ 37 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 835 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.94 พันล้านบาท อันเนื่องจากมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (SET) ที่เพิ่มสูงขึ้น จากการที่บริษัทตัดสินใจเดินหน้า “การสร้างความมั่งคั่ง” (Wealth Creation) เพื่อต่อยอดความมั่งคั่งให้ “4 ธุรกิจหลัก

  1. ธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ
  2. ธุรกิจติดตามหนี้
  3. ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
  4. ธุรกิจเช่าซื้อส่วนบุคคล 

โดยแต่ละธุรกิจถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของฐานลูกค้า “ธุรกิจรีเทล” (ค้าปลีก) และมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะ “ธุรกิจการเงิน” จากจุดเริ่มต้น “ธุรกิจห้องแถว” จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน กลายเป็นเจ้าของ “ธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ” โดยปี 2552 บริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

“สุระ คณิตทวีกุล” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่ง “คอมเซเว่น” (COM7) ติดในรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในอันดับที่ 49 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 670 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.36 พันล้านบาท จากจุดเริ่มต้นร้านคอมในพันธุ์ทิพย์ สู่อาณาจักรไอที (IT) ที่มีมูลค่าระดับหมื่นล้าน !! และปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จาก Apple รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขณะที่มูลค่าหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

และ “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” ผู้ร่วมก่อตั้งคลินิกเสริมความงามพงศ์ศักดิ์และยังเป็น “นักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)” (Value Investor) หรือ “วีไอ” ติดในอันดับที่ 50 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 655 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.3 พันล้านบาท ซึ่งหนึ่งในพอร์ตหุ้นที่เขาถือครองมีหุ้นของกลุ่ม COM7 อยู่ส่วนหนึ่งด้วย

เผย 10 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 65 

ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่มหาเศรษฐีไทย 3 อันดับแรก ยังไม่มีการเปลี่ยนอันดับจากปี 2564

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ยังคงเป็น “พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์” แม้มูลค่าทรัพย์สินรวมของพวกเขาลดลง 3.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากอัตราแลกเปลี่ยนสหรัฐฯ ส่งผลทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศอยู่ที่ 2.65 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 9.33 แสนล้านบาท 

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 2 “เฉลิม อยู่วิทยา” ยอดขายของเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ที่เติบโตจากทั่วโลกทำให้มูลค่าทรัพย์สินของ “เฉลิม อยู่วิทยา” และครอบครัว เพิ่มขึ้นอีก 1.9 พันล้านดอลลาร์ มูลค่าทรัพย์สินในการจัดอันดับประจำปีนี้อยู่ที่ 2.64 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 9.30 แสนล้านบาทใกล้เคียงมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 3 ได้แก่ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ (เบียร์ช้าง) โดยมูลค่าทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.94 แสนล้านบาท

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 4 “สารัชถ์ รัตนาวะดี” มหาเศรษฐีด้านธุรกิจพลังงาน และจากอานิสงส์ของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านดอลลาร์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.87 แสนล้านบาท นอกจากธุรกิจพลังงานแล้วเขายังเดินหน้าขยายธุรกิจสู่เทคโนโลยี

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 5 “ครอบครัวจิราธิวัฒน์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.73 แสนล้านบาท

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 6 “สมโภช อาหุนัย” ผู้ก่อตั้งและหุ้นใหญ่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA มีมูลค่าทรัพย์สิน 3.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.37 แสนล้านบาท 

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 7 “นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” เจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) มีมูลค่าทรัพย์สิน 3.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.09 แสนล้านบาท

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 8 “วานิช ไชยวรรณ” ประธานกรรม บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันชีวิตขนาดใหญ่ของประเทศ มีมูลค่าทรัพย์สิน 3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.05 แสนล้านบาท

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 9 “ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ” ผู้ร่วมกันสร้างอาณาจักรสีทีโอเอ (TOA) มีมูลค่าทรัพย์สิน 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.86 หมื่นล้านบาท

- มหาเศรษฐีอันดับที่ 10 “ครอบครัวโอสถานุเคราะห์” เจ้าของอาณาจักร บริษัท โอสถสภา หรือ OSP เป็นบริษัทผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคในประเทศไทย มีมูลค่าทรัพย์สิน 2.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.51 หมื่นล้านบาท

 

3 เศรษฐีกลับสู่ทำเนียบอีกครั้ง 

สำหรับ มหาเศรษฐีที่กลับเข้าสู่ อันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 มีจำนวน 3 ราย ได้แก่ 

  1. “กัลกุล ดำรงค์ปิยวุฒิ์” ผู้ก่อตั้ง บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ซึ่งห่างหายจากการเป็นหนึ่งใน 50 รายชื่อเป็นเวลา 4 ปี โดยบริษัทด้านพลังงานแห่งนี้ได้เดินทางสู่ธุรกิจใหม่ด้านกัญชา-กัญชง 
  2. “บุญชัย เบญจรงคกุล” ประธานกรรมการ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ DTAC 
  3. “พิชญ์ โพธารามิก” ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นนอล หรือ JAS