ต้นทุนที่ดินกทม.พุ่งเฉลี่ย20%ดีเวลลอปเปอร์เบนเข็มผุดโครงการตจว.
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม เผยราคาที่ดินที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเฉลี่ยปรับขึ้น 20% ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์เบนเข็มผุดโครงการตจว.ขยายฐานลูกค้าใหม่ พร้อมเน้นเปิดตัวโครงการบ้านเดียว-แฝดระดับกลางบน ในขนาดโครงการเล็กลงเพื่อลดความเสี่ยง รับรู้รายได้เร็วขึ้น
นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจอสังหาฯมีความท้าทายจากภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ว่า วัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงาน รวมถึงราคาที่ดินที่ปรับขึ้น20% ในทุกโซน ซึ่งปัจจัยดังกล่าว กลายเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาหรือรายเล็กในการทำตลาดยากขึ้น รวมถึงรายใหญ่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยสังเกตได้จากแนวทางการทำธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาฯหลายรายที่ให้ความสนใจพื้นที่นอกกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและรุกเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อขยายตลาดมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากราคาที่ดินกรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีราคาสูงขึ้นมากและการแข่งขันสูงจึงหันไปทำตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
ทั้งนี้เพราะโครงสร้างพื้นฐาน เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น ยกตัวอย่าง โซนรัตนาธิเบศร์ ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อสู่จังหวัดฝั่งตะวันตก ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น25% โซนเลียบด่วน -รามอินทราราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 23%โซนลาซาน บางนา ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 39% โซนบางแค พระรามสอง ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 42%
ขณะเดียวกันนี้ตลาดแนวราบยังคงเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดโควิด-19 โดยมีสัดส่วนถึง 68% ในแง่ของตัวดีมานด์ และเซกเมนต์ระดับกลางบน ยังคงมีกำลังซื้อต่อเนื่อง สินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ส่งผลให้การแข่งขันของบ้านแนวราบสูงขึ้น โดยเฉพาะบ้านในระดับราคา 10 ล้านขึ้นไปเพราะผู้ประกอบการอสังหาฯต่างหันมาจับกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อมากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาโครงการขนาดเล็ก เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้รับรู้รายได้เร็วขึ้น
นายแสนผิน กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความผันผวนจากความไม่แน่นอนทั้งโควิด-19 สงครามรัสเซีย -ยูเครน ภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้มีคามหยืดหยุ่น คล่องตัว พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ราคา ที่ตอบโจทย์ความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้า เพื่อสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังก็คือต้องควบคุม 4 ปัจจัยหลักๆ คือ พนักงาน ระบบปฏิบัติงาน งานซ่อมแซมและบริการหลังการขาย รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่ต้องคำนึง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและต่อเนื่องของรายได้
สำหรับปี 2565 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ได้มีแผนเปิดโครงการ 25 โครงการ มูลค่า 29,500 ล้านบาท ประกอบด้วยทาวน์โฮม 10 โครงการ, นีโอ โฮม บ้านแฝด จำนวน 2โครงการ, บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และ โครงการต่างจังหวัด 3 โดยมีการขยายกลุ่มลูกค้าจับตลาดกลาง-บนที่มีกำลังซื้อมาก
มีการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในส่วนของแบบบ้าน ซุ้มโครงการ สวนสาธารณะในโครงการ สภาพโครงการที่แปลกใหม่ เพื่อดึงดูดลูกค้าในทุกๆ เซกเมนต์ พร้อมทั้งมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับรองรับทุกกิจกรรมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้าน เทคโนโลยี Frasers Clean & Cool Air ที่ช่วยระบายอากาศภายในบ้าน และระบบ EV Charger รองรับการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม