"ทีเส็บ" ฝ่าเศรษฐกิจถดถอย-เงินเฟ้อ เร่งฟื้นรายได้ไมซ์ 2.84 หมื่นล้านปี 65
“ทีเส็บ” เดินหน้ากระตุ้นตลาดฝ่ามรสุมเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอย ผนึกแอร์ไลน์ กระชับสัมพันธ์ลูกค้าตลาดหลัก หวังปีนี้ฟื้นรายได้อุตสาหกรรมไมซ์ 2.84 หมื่นล้าน จากนักเดินทางไทย-เทศ 6.13 ล้านคน ล่าสุดนำไทยคว้างานประชุมบิ๊กขายตรงโลก “ยูนิซิตี้” ดึงผู้นำธุรกิจร่วมกว่าหมื่นคน
เมื่อปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ประเทศไทยมีจำนวนนักเดินทางไมซ์ (MICE: การจัดประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) จากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศรวมประมาณ 30 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นนักเดินทางไมซ์ในประเทศ 29 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท และนักเดินทางไมซ์ต่างชาติ 1.2 ล้านคน สร้างรายได้เกือบ 1 แสนล้านบาท
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บคาดการณ์ปีงบประมาณ 2565 (ตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 - ก.ย.2565) ประเทศไทยจะสามารถฟื้นจำนวนนักเดินทางไมซ์จากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศรวม 6.13 ล้านคน สร้างรายได้รวม 28,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นนักเดินทางไมซ์ในประเทศ 6 ล้านคน สร้างรายได้ 19,800 ล้านบาท และนักเดินทางไมซ์ต่างประเทศ 1.3 แสนคน สร้างรายได้ 8,600 ล้านบาท
“แม้ปัจจุบันจะมีข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ทีเส็บยังคงเดินหน้าฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์จากวิกฤติโควิด-19 เพื่อกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจในประเทศ”
นอกเหนือจากการโฟกัสตลาดไมซ์ในประเทศแล้ว เมื่อรัฐบาลไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทีเส็บได้ร่วมงานส่งเสริมการขายตลาดไมซ์ระยะไกลที่ประเทศเยอรมนีและสหรัฐ เพื่อดึงงานไมซ์จากต่างประเทศมาจัดในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานประชุมขององค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Meeting and Incentive : MI) ซึ่งอั้นไว้มานานกว่า 2 ปี ไม่สามารถจัดงานได้ในช่วงโควิด-19 ยังระบาดหนัก
ขณะเดียวกันทีเส็บได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เช่น สายการบิน พร้อมเร่งฟื้นความสัมพันธ์กับลูกค้าในกลุ่มตลาดหลัก เช่น กลุ่มธุรกิจขายตรง ซึ่งยังสามารถเติบโตได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
++ คว้างานประชุมบิ๊กขายตรง“ยูนิซิตี้”จัดในไทย
ล่าสุด “ยูนิซิตี้” บริษัทธุรกิจขายตรงด้านสุขภาพที่มีสาขามากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประชุม “2022 Unicity Global Leadership & Innovation Conference” ซึ่งเป็นการประชุมระดับโลกที่รวมสุดยอดผู้นำธุรกิจกว่า 10,000 คน มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ส.ค.2565 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นับเป็นงานประชุมองค์กรนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดหลังจากเปิดประเทศ
“ช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และไทยเข้าสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจ บริษัทนานาชาติต่างก็เชื่อมั่นในความพร้อมของไทย เพราะเรามีมาตรการป้องกันและควบคุมที่ดี ทีเส็บถือโอกาสนี้เข้าร่วมชักจูง และอำนวยความสะดวกเต็มที่จนเกิดการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเข้ามาอย่างคึกคัก”
++ คาดงาน “ยูนิซิตี้” สร้างรายได้ 660 ล้าน
นางศุภวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีเส็บสนับสนุนการจัดงาน 2022 Unicity Global Leadership & Innovation Conference ทั้งด้านงบประมาณบางส่วน และการให้บริการครบวงจร อาทิ การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองผ่านบริการช่องทางไมซ์เลน (MICE Lane Service) แก่ผู้บริหารและทีมงานที่เข้ามาตั้งแต่ระหว่างการเตรียมงาน ตลอดจนประสานงานกับสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลก อำนวยความสะดวกในการทำวีซ่าเข้าสู่ประเทศไทยสำหรับผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ
จากการจัดงานนี้ คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจของไทย เช่น ค่าสถานที่จัดงาน ค่าบริษัทดูแลการจัดงาน ค่ารถรับส่ง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและบริการในสถานที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากการประชุมผู้เข้าร่วมงานจะเดินทางออกสู่จังหวัดต่างๆ อาทิ จังหวัดภูเก็ต และเมืองพัทยา โดยประมาณการว่าจะสร้างเศรษฐกิจกระจายรายได้ให้ประเทศได้ถึง 660 ล้านบาท
++ กลุ่ม MI เดินทาง ก.ค.-ก.ย. สะพัดพันล้าน
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2565 ระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ ทีเส็บประมาณการว่าจะมีกลุ่มองค์กรนานาชาติเพื่อการประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (MI) เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 25 กลุ่ม รวมจำนวนกว่า 15,138 ราย ทั้งจากประเทศอินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษ เวียดนาม และอื่นๆ สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยกว่า 1,000 ล้านบาท
++ มั่นใจศักยภาพจัดงานไมซ์ของไทย
นายคริสโตเฟอร์ คิม ประธานบริหาร ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในการจัดงาน 2022 Global Leadership and Innovation Conference ที่สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “IT’S TIME TO FEEL GREAT” ให้ชีวิตพร้อมเดินหน้าสู่ความสำเร็จร่วมกันว่า ยูนิซิตี้ มีความพร้อมอย่างมากในการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นงานที่เหล่านักธุรกิจยูนิซิตี้ต่างเฝ้ารอที่จะฉลองความสำเร็จร่วมกัน รวมทั้งปลุกพลังความแข็งแกร่งให้แก่สมาชิกเพื่อพร้อมที่จะสร้างชีวิตที่ดีกว่า (Make Life Better) ไปด้วยกัน
“แม้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ต้องสูญเสียหลากหลายมิติทางความสุขในชีวิตไป แต่สำหรับยูนิซิตี้แล้วนี่คือความท้าทายครั้งสำคัญที่เราต้องฝ่าไปให้ได้ และเราสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราทำได้และทำได้ดีจนเกิดเป็นพลังแห่งความสำเร็จร่วมกันในครั้งนี้ และพร้อมจะแบ่งปันความสำเร็จเหล่านั้นไปสู่ผู้คนรอบข้างอย่างไม่หยุดยั้ง”
การกลับมาจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ ยูนิซิตี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการจัดงาน Global Leadership and Innovation Conference ในปี 2014 โดยการจัดงานทั้ง 2 ครั้งล้วนได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ
ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศไทย ตลอดจนความโดดเด่นในฐานะประเทศในฝันของเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้ ยูนิซิตี้ มั่นใจที่จะใช้ไทยเป็นพื้นที่จัดงานดังกล่าวอีกครั้ง ที่สำคัญยังเป็นการประกาศความสำเร็จในการเติบโตทางธุรกิจของยูนิซิตี้ในภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในหลายประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยนำกลุ่มนักธุรกิจยูนิซิตี้จากกว่า 50 ประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากกว่า 10,000 คน ซึ่งจะช่วยสร้างให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในไทยได้อย่างแน่นอน