อสังหาฯปี66พลิกโตหลังผ่านจุดต่ำสุดลุ้นดีมานด์จีนกลับมาดันตลาดฟื้นตัว
อสังหาฯครึ่งแรกปี65 ส่งสัญญาณฟื้นตัวจากปัจจัยบวกหลังผ่านจุดต่ำสุด“พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ”ประเมินอสังหาฯปี66 ก้าวผ่านสู่การเติบโตระบุคนจีน เสิร์ช“ไป่ตู้”สนใจซื้อบ้านในไทยเป็นอันดับหนึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลกำลังเปิดต่างชาติซื้อบ้านได้หนุนฟื้นตัวเร็วขึ้น
“สุรเชษฐ กองชีพ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด เผยว่าแนวโน้มอสังหาฯ ปี 2566 น่าจะดีกว่าปีนี้เนื่องจากจีดีพีมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่อง โดยประเมินว่า ปีหน้าตลาดคอนโดมิเนียมโต 10% ในแง่ของซัพพลายเพิ่ม 60,000 ยูนิตจากปีนี้อยู่ที่ 45,000-5,0000 ยูนิต โดยเฉพาะระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนตลาดแนวราบ โครงการบ้านจัดสรรยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท และบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนตลาดรีเทลกลุ่มผู้เช่ารายเล็กหายไปหันไปขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่วนแบรนด์ร้านอาหารเริ่มเช่าพื้นที่ข้างนอกแทน ดังนั้นรีเทลเหลือรายใหญ่ที่ยังคงขยายสาขา ส่วนตลาดอาคารสำนักงาน ยังคงได้รับผลกระทบพฤติกรรมผู้เช่าที่เปลี่ยนไปเช่าพื้นที่ลดลง
“2-3 ปีนี้ต้องจับตามองซัพพลายที่มีแนวโน้มล้นตลาด (Over Supply) เพราะจำนวนพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการเช่าอยู่ที่ 86% จากปกติสูงถึง90% ส่วนโรงแรม ต้องรอกำลังซื้อกลับมามากกว่านี้ ส่วนเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์เริ่มฟื้นตัวกลับมา 100% เพราะต่างชาติเริ่มกลับมา ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ”
สุรเชษฐ กล่าวว่า แนวโน้มการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการอสังหาฯ ไทยกับต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่น ทั้งรายเก่ารายใหม่กับกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่าชาติอื่น เนื่องจากเข้าลงทุนแล้วให้คนไทยบริหารจัดการ แต่ดีมานด์หลักยังคงเป็นดีมานด์ในประเทศ ส่วนดีมานด์ต่างชาติเริ่มเข้ามาในปีนี้และปีหน้ามากขึ้นเริ่มจากกลุ่มที่ทำงานในประเทศมากกว่ากลุ่มที่ตั้งใจเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย
โดยกำลังซื้อหลักยังคงเป็นกำลังซื้อจากคนจีน ซึ่งต้องรอให้รัฐบาลจีนเปิดประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันประเทศจีนมีปัญหาในประเทศไม่ว่าจะเป็นนโยบายซีโร่ โควิด เศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาตลาดอสังหาฯ ในประเทศ ฯลฯ
และจากข้อมูลพบว่า คนจีนกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีความสนใจที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย มากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากได้กรรมสิทธิ์ในชื่อของตนเอง ,ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่มีข้อจำกัดเหมือนในประเทศจีน เป็นการซื้อเพื่อให้ลูกหลานเข้ามาเรียนในประเทศไทย เพราะมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและมีราคาถูกกว่าประเทศอื่นไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ แคนาดา ทั้งเรื่องค่าเรียนและราคาที่อยู่อาศัยทั้งซื้อและเช่า
“ หากรัฐบาล สามารถออกกฎหมายเปิดให้ต่างชาติ สามารถซื้อบ้านได้จริง จะกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้อยากให้แบ่งโซนที่เปิดให้ชัดเจน เช่น เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และต้องเป็นการซื้อในโครงการที่อยู่ร่วมกับคนไทยเหมือนกับคอนโดที่บังคับให้ไม่เกิน 49% และกำหนดระยะเวลาของมาตรการไม่เกิน 3 ปีเพื่อเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะสั้นเท่านั้น ”
ส่วนสถานการณ์ของตลาดจีนนั้น ประเมินว่า 1 ต.ค.นี้สถานการณ์ในประเทศจะผ่อนคลายขึ้น และตรุษจีนปีหน้าทุกอย่างจะเริ่มกลับมา และรัฐบาลจีนจะเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบใน1-2ปี ทำให้บ้านในประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายสำหรับคนจีน ในการมีบ้านหลังที่สอง
ทั้งนี้เนื่องจากผลจากการค้นหาเรื่องการซื้อบ้านจาก “ไป่ตู้” เสิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของประเทศจีน พบว่า คนจีนสนใจที่จะซื้อบ้านในประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง และจากการค้นหาเรื่องย้ายถิ่นฐาน พบว่า ประเทศไทยติดอยู่ในอันดับ 6 ที่คนจีนสนใจเข้ามาอยู่ และจากการค้นหาบนไปตู้ เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานการลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย พบว่า ประเทศไทยอยู่ในลิสต์การค้นหาของคนจีนเสมอ ล่าสุดอยู่ในอันดับที่3 รองจากอเมริกาและอังกฤษ คาดหลังรัฐบาลจีนเปิดประเทศทำให้ดีมานด์จีนเข้ามากระตุ้นตลาดอสังหาฯไทยฟื้นตัวเร็วขึ้น