กูรู ประสานเสียง เลี่ยง”สินทรัพย์ดิจิทัล”ลงทุนยาวเพื่อการเกษียณ
"ก.ล.ต." ชี้สินทรัพย์ดิจิทัลยังเสี่ยงสูง แนะพอร์ตระยะยาวรับวัยเกษียณควรเลี่ยง แม้อยู่ระหว่างทบทวนหลักเกณฑ์เปิดโอกาสกองทุนรวม-สำรองเลี้ยงชีพฯ เข้าลงทุน แต่ต้องศึกษารอบคอบก่อน "บลจ.พรินซิเพิล - โฉลกดอทคอม" ประสานเสียงไม่ควรลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ
นางสาวนภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ The Retirement Plan Symposium ครั้งที่ 7 “สินทรัพย์ดิจิทัลกับการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ” โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ บลจ.พรินซิเพิล ว่า ปัจจุบันหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เพื่อรองรับการเกษียณ ก.ล.ต. ยังไม่อนุญาตให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจาก ก.ล.ต. มองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับสูงมาก
ขณะที่ปัจจุบัน ก.ล.ต. กำลังพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การลงทุนดังกล่าวอยู่ แต่เป็นเรื่องในอนาคตที่ ก.ล.ต. ยังต้องพิจารณา และดำเนินการศึกษาอย่างรอบคอบ ซึ่งลักษณะการเปิดให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คงจะพิจารณาตามความเหมาะสม เช่น การจำกัดสัดส่วนการลงทุน เพราะว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีหลากหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีลักษณะการใช้งานและความเสี่ยงที่มีความแตกต่างไม่เหมือนกันเลย
“ที่ผ่านมาก็มีบริษัทเอกชนและผู้ลงทุนเองที่สอบถามมายัง ก.ล.ต. จำนวนมากว่าจะเปิดโอกาสให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้เรากำลังทบทวนพิจารณาหลักเกณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นนวัตกรรมใหม่ และการกำกับดูแลการลงทุนต้องปกป้องความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุนด้วย ขณะที่ผู้ลงทุนเองก็ต้องมีความเข้าใจในแต่ละประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกัน”
นายศุภกร ตุลยธัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล กล่าวว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลยังไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ลงทุนประเภทอื่นๆ
โดยพบว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าง บิตคอยน์และอีเธอเรียมปรับตัวลงมาแล้ว 50-70% ขณะที่บิตคอยน์ มีความผันผวนถึง 60% และอีเธอเรียม มีค่าความผันผวน 88% เมื่อเทียบกับในรอบ 10 ปี หุ้นไทยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 5% มีค่าความผันผวน 19-20% และการจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงในแต่ละช่วงอายุ (Target Date ) สำหรับรองรับการเกษียณ มีผลตอบแทนเฉลี่ย 5% มีค่าความผันผวนเพียง 8% เท่านั้น
ทั้งนี้ การจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ แนะนำว่า ต้องพิจารณาทั้งผลตอบแทน ควบคู่กับความผันผวน ขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญ คือ การรอคอยและติดตามเพื่อลงทุน (Stay in Wait) และการผสมผสานสินทรัพย์ต่างๆ ตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้หรือตามช่วงอายุ ด้วยการลงทุนแบบ DCA หรือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว
“มองว่าช่วง 5 ปีก่อนใกล้อายุเกษียณที่ 60 ปี ควรปรับพอร์ตสำรองเลี้ยงชีพ เน้นลงทุนสินทรัพย์ที่มั่นคง สร้างผลตอบแทนแน่นอน คือ ตราสารหนี้สัดส่วน 80% ที่เหลือเป็นหุ้น10% และสินทรัพย์อื่นๆ 10% ตามความชอบ ยังสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 5-6 % ได้เช่นเดียวกับช่วง 40 ปี ที่มีสัดส่วนลงทุนหุ้นไทย 25% หุ้นต่างประเทศ 23% ตราสารหนี้ 50% และทำเทรดดิ้ง 2%”
นายพิริยะ สัมพันธารักษ์ คณะกรรมการสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และกรรมการผู้จัดการ โฉลกดอทคอม จำกัด กล่าวว่า การลงทุนบิตคอยน์เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว แต่ไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ เนื่องจากมุมมองของการลงทุนเพื่อการเกษียณไม่ได้มีแค่ระยะยาวเท่านั้น แต่มีเรื่องของความจำเป็นที่ต้องการใช้เงินในอนาคตมาเกี่ยวข้องด้วย ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีความผันผวนในเรื่องของราคาที่สูง เป็นความไม่แน่นอนที่เป็นข้อจำกัดอยู่
รวมทั้งในมุมมองของผู้เก็บออมระยะยาว มองว่า ความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัล ส่งผลโดยตรงต่อเงินออม แม้สถิติในอดีตพบว่า ผู้ที่ถือบิตคอยน์มากกว่า 5 ปี ไม่เคยมีใครขาดทุนก็ตาม แต่บิตคอยน์ที่เพิ่งเกิดมาได้เพียง 12 ปี และราคายังผันผวนสูงมากก็ยังไม่มั่นใจว่า ตลาดบิตคอยน์จะพังลงเมื่อไหร่ ซึ่งหากเกษียณอายุในปีนี้ก็ต้องถูกบังคับขายบิตคอยน์ในราคาที่ตลาดปรับลดลงได้
อย่างไรก็ตาม นายพิริยะ ยังมองว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นการตัดสินใจลงทุนในมุมมองของแต่ละบุคคล ส่วนตัวมองว่า บิตคอยน์ คือ สินทรัพย์ที่เป็นตัวเก็บมูลค่าการเงินในระยะยาวเหมือนลงทุนที่ดิน ที่สามารถนำที่ดินไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกู้เงินออกมาได้ และหากลงทุนระยะยาวไปอีก 10-20 ปี ถ้าบิตคอยน์ยังไม่ตายก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนเติบโตขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนในสเตเบิ้ลคอยน์ (Stablecoin) ที่เป็นเงินในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลมีการรองรับด้วยสกุลเงินดอลลาร์ ถือว่ามีหน้าเก็บรักษามูลค่าเหรียญของตนไว้ เป็นการเลี่ยงความเสี่ยงไม่มีความผันผวนขึ้นลงเหมือนสกุลเงินทั่วไป
สำหรับการลงทุนใน “บิตคอยน์” แนะว่า มีความสามารถในการรักษามูลค่าด้วยตัวเอง และมีความผันผวนน้อยที่สุดในตลาดคริปโทเคอร์รนซี หากเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ และข้อดีของการใช้บิตคอยน์เป็นเงิน คือ ปริมาณของบิตคอยน์จะไม่ถูกแทรกแซงให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเราสามารถลงทุนได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องผ่านสถาบันการเงินใด ๆ แต่ต้องมีความรู้ในเทคโนโลยีมากพอ
นอกจากนี้ ยังสามารถลงทุนแบบ DCA แบ่งเงินลงทุนจากหุ้นมา 10% ซึ่ง10% ในตอนนั้นสามารถเพิ่มขึ้นมาเป็น 90% ในขณะนี้ได้ แต่โดยพื้นฐานแล้วยังแนะนำว่า ผู้ลงทุนควรนำเงินมาลงทุนตามความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และควรเป็นเงินที่เมื่อลงทุนแล้วสามารถขาดทุนโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ตามมา