แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

“แสนสิริ” สบช่องท่องเที่ยวทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว ลุยธุรกิจโรงแรม ผุดแบรนด์“บังค์เฮาส์” ในเครือโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด จับมือแลนด์ลอร์ด-เจ้าโรงแรมขนาดไม่เกิน100 ห้อง เจาะเมืองรอง คาด 2 ปี เปิด 6 แห่ง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมพักบูทีค โฮเทล

หลังผ่านพ้นห้วงวิกฤติโควิดหนักสุด สถานการณ์โดยรวมทั่วโลกดีขึ้นนับจากนี้เป็นจังหวะและโอกาสสำคัญในการเดินหน้าธุรกิจโรงแรมรับดีมานด์นักท่องเที่ยวที่เข้ามาหลังปลดล็อก Thailand Pass เพราะการท่องเที่ยว ขับเคลื่อน GDP หลักของประเทศ และเกิด Multiplier effect จากการจ้างงานพนักงานโรงแรมและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานกรรมการ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด และ ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังกลับมาจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย รวมทั้งนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจทำให้แนวโน้มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับโดยเฉพาะตลาดสหรัฐ และยุโรป เติบโตสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ ถือเป็น"โอกาส"ในการขยายธุรกิจโรงแรม

“เราเห็นโอกาสขยายการลงทุนในไทยที่เป็นเดสติเนชั่นการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติ ซึ่งแผนธุรกิจที่สอดกับแนวคิดขยายธุรกิจท่องเที่ยวไทยไปไกลกว่าหัวเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต สมุย หัวหิน กรุงเทพฯ เชียงใหม่ แต่ไปที่อยุธยา สุโขทัย ระยอง ชุมพร เหมือนคนไปฝรั่งเศส สเปน อิตาลี อังกฤษ อยู่เป็น10 วัน ขณะที่มาเที่ยวเมืองไทยอยู่ 3-4 วัน หมายความว่าต้องขยายการท่องเที่ยวไปในจังหวัดต่างๆมากขึ้น ”

โมเดลโรงแรมใหม่เจาะเมืองรอง

นั่นเป็นที่มาของแนวคิดในการเปิดตลาดแบรนด์ “บังค์เฮาส์” (Bunkhouse) โรงแรมขนาดเล็ก 30 -100 ห้อง ในเครือเดอะ สแตนดาร์ด ในรูปแบบการร่วมมือกับแลนด์ลอร์ด หรือ โรงแรมขนาดไม่เกิน 100 ห้อง โดยจะเแบ่งเป็น 2 โมเดล โมเดลแรกภายใต้แบรนด์ เดอะ เซนท์ คอลเล็กชั่น ลักซ์ชัวรี่ โฮเต็ล เลือกที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาน่าสนใจหรือสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดี โดยเลือกทำเลอย่างเช่น ย่านเจริญกรุง เมืองเก่า สุขุมวิท และ โมเดลที่สอง จะเป็นชื่อโรงแรมตามโลเคชั่นนั้น บายบังค์เฮาส์ เป็นธุรกิจโรงแรมแบบ Bespoke ที่สร้างโรงแรมที่ไม่เหมือนใครในแบบของคุณเอง (one-of-a-kind)

แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

“รูปแบบการลงทุนไม่ใช่การซื้อโรงแรม แต่อาจมีเงินมาช่วยบ้าง และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงร่วมกัน ในจังหวัดที่มีจุดแข็งวัฒนธรรมทีมีเอกลักษณ์เฉพาะจังหวัดที่เป็นหัวเมืองรอง ที่มีศักยภาพ ดีไซน์โดยใช้วัสดุที่ไม่ฟุ่มเฟื่อยเน้นดีไซน์แต่ใช้เงินน้อยคาด ภายใน 2 ปีเปิด 6 แห่ง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมพักบูทีค โฮเทล”

แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

ปัจจุบัน โรงแรมภายใต้แบรนด์ “บังค์เฮาส์” เปิด 9 แห่ง โดย 7 แห่งอยู่ในรัฐเท็กซัส (5 แห่งในเมืองออสติน) ที่เหลืออยู่เม็กซิโก เน้นการสร้างประสบการณ์ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาพักได้จดจำ และเกิดความประทับใจ โดยเน้นเปิดตัวในทำเลที่มีความแข็งแรงด้านวัฒนธรรม และผสมผสานแบรนด์กับทำเลนั้นๆ ได้อย่างลงตัว มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ชื่อจะไม่เหมือนกัน เพื่อสร้างคอนเซ็ปต์ที่มีความเฉพาะตัว มีสเกลไม่ใหญ่ 20-100 ห้อง เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติด้วยการทำงานร่วมกับอินเตอร์เชนได้ ตั้งแต่ระดับลักชัวรี 3-4 ดาวไปจนถึงโรงแรมรายวัน ระดับราคาห้องพักเริ่มตั้งแต่ 6,000-20,000 บาท

รับบริหารโรงแรมร่วมเจ้าของที่ดิน

นายเศรษฐา มองว่า ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่ดีในการเข้ามาช่วยผู้ประกอบการโรงแรมที่ต้องปรับโฉม รีสตาร์ทด้วยแบรนด์ใหม่“บังค์เฮาส์” ด้วยการเข้าไปบริหาร ซึ่งแต่ละแห่งแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการเจรจา ทำให้เจ้าของที่ดินหรือโรงแรมได้ทำตลาดแบรนด์ระดับอินเตอร์ ทำเลน่าสนใจ อาทิ อยุธยา เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ระยอง ระนอง ชุมพร กระบี่ หัวหิน พัทยา 

แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

“เป็นการเข้าไปช่วยผู้ประกอบการที่ขาดสภาพคล่อง ต้องการแบรนด์ระดับโลกเข้าไปช่วย รวมการทำตลาดที่มีเครือข่ายระดับโลกเข้าสนับสนุนเพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่สำคัญด้วยเครือข่ายของเดอะ สแตนดาร์ด ทำให้มีไดเร็ค บุ๊คกิ้งถึง55% หมายความว่าลูกค้าสามารถจองโดยตรงไม่ต้องเสียคอมมิสชั่นให้กับระบบการจองต่างๆ เจ้าของได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ”

 เตรียมเปิดตัวสแตนดาร์ด มหานคร

ในส่วนของโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน ที่เปิดเมื่อเดือน พ.ย.2564 พบว่าได้ผลการตอบรับดีมากอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80% สูงสุดนับตั้งแต่เปิดโรงแรมมา ส่วนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เต็ม โดยอัตราการเข้าพักสูงกว่าคู่แข่ง 10% และสามารถทำราคาได้ระดับ 6,000-9,000 บาท/ห้อง/คืน ส่วนวิลล่า 12,000 -13,000 บาท

แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

ส่วนโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ขนาด 155 ห้องพัก แห่งที่ 2 ในไทย เตรียมเปิดบริการวันที่ 29 ก.ค.นี้ นับเป็นโรงแรมระดับเรือธง (Flagship) ของแบรนด์ เดอะ สแตนดาร์ด ในเอเชีย โดยได้จับมือเป็นพันธมิตรกับคิง เพาเวอร์ กรุ๊ป ในการนำแบรนด์ดังกล่าวมาเสริมความโดดเด่นแก่อาคารคิง เพาเวอร์ มหานครคาดมีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐ

 “เราหวังว่าจะเป็นการเปิดตัวโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลังจากช่วงโควิดการเปิดตัวโรงแรมน้อย หลายองค์ประกอบทำให้โรงแรมนี้โดดเด่นเพราะเป็นตึกที่เป็นไอคอนนิกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลก"

ตั้งเป้า3 ปีเดอะ สแตนดาร์ด20แห่ง

ส่วนแผนปีหน้า จะเปิดโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ดที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์จำนวน 150 ห้อง และใน 2-3 ปี จะมีโรงแรม 20 แห่ง อาทิ เมืองดับลิน บรัสเซลส์ มิลาน และลิสบอน ขณะที่แถบอเมริกาเหนือจะมีที่โทรอนโต แคนาดา และฮูสตัน สหรัฐ เป็นต้น ซึ่งเป็นการกระจายไปยังหลายพื้นที่ทั่วโลก

ขณะเดียวกัน “เดอะ เภรี โฮเต็ล” ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมสไตล์บูติกโฮเทล ปัจจุบันเปิดให้บริการในไทยแล้ว 2 แห่ง ที่หัวหิน และเขาใหญ่ มีอัตราการเข้าพักดีมากจากลูกค้าคนไทย และเตรียมเปิดเดอะ เภรี โฮเต็ล แบงค็อก สุขุมวิท 24 ขนาด 200 ห้องขึ้นไปในอีก 2 ปีข้างหน้า

“ศักยภาพของไทยไม่ด้อยกับประเทศอื่น เพียงแต่ว่าเรายังไม่สามารถไปถึงศักยภาพที่มีอยู่ได้ เดอะ สแตนดาร์ด กรุ๊ป และแสนสิริ พยายามเป็นกลไกหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งการที่ค่าเงินบาทอ่อน มีการเปิดประเทศเป็นจังหวะที่ดีในการผลักดันการท่องเที่ยวเพราะถือเป็น growth engines ที่สำคัญในระยะ 3-9 เดือนข้างหน้านี้”

แสนสิริผุดโรงแรม“บังค์เฮาส์”เจาะเมืองรองรับท่องเที่ยวฟื้น

ทั้งนี้ประเมินว่า 3-5 ปีข้างหน้า ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลง กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีงบประมาณท่องเที่ยวแบบลักชัวรี่ ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่าง และอีกกลุ่มที่มีงบประมาณไม่มากแต่ยังต้องการไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยว มีแนวโน้มเข้าไทยมากขึ้น

ประกอบกับต้นทุนการพัฒนาโรงแรมที่ใช้งบไม่สูงมาก จึงทำให้สามารถขยายโรงแรมไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงในไทยจะขยายตัวเติบโตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆของรัฐบาล อาทิ เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง ยกเลิก Thailand pass การเปิดรับ Long-term Resident visa (LTR) การผ่อนคลายมาตรการโควิด จำนวนผู้ได้รับฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มขึ้น