SNNP - โตดีจาก CLMV (วันที่ 21 กรกฎาคม 2565)
เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q22F จะเพิ่มขึ้น 63% yoy และ 19% qoq เป็น 125 ล้านบาท โดยคาดว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในระยะถัดไป นอกจากนี้ เรายังคาดว่าโรงงานใหม่ในเวียดนามจะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย
ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำ SNNP เป็นซื้อ และปรับราคาเป้าหมายเป็น 18.00 บาท อิงจาก PE ปี FY23F ที่ 28x
คาดว่ากำไรใน 2Q22F จะดีขึ้นทั้ง yoy และ qoq
เราคาดว่ายอดขายใน 2Q22F? จะเพิ่มขึ้น 15% qoq เป็น 1.3 พันล้านบาท หนุนโดยยอดขายในตลาดต่างประเทศโตถึง 50% qoq ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q22F จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 26.3% จาก 27.4% ใน 1Q เพราะต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่า SIRIPRO ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SNNP ที่ดูแลการจัดจำหน่ายสินค้าจะส่งผลกำไรมาที่บริษัทประมาณ 5 ล้านบาท จากที่ส่งผลขาดทุน 9 ล้านบาทใน 1Q ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q22F จะเพิ่มขึ้น 63% yoy และ 19% qoq เป็น 125 ล้านบาท
ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในระยะถัดไป
ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกเริ่มปรับลดลงมาถึง 38% จากระดับสูงสุดในรอบปีนี้เนื่องจาก (1) ธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง และ (2) อุปทานเพิ่มขึ้น เราคาดว่าต้นทุนแป้งสาลีที่ลดลง 10% จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.4%
โรงงานใหม่ในเวียดนามจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
โรงงานผลิตแห่งใหม่ในเวียดนามมีกำหนด COD ในเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น โดยบริษัทจะสามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ที่แข็งแกร่งได้ พร้อมทั้งสามารถลดเวลาในการเปลี่ยนสายการผลิตระหว่างผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดไทย ละตลาดเวียดนามซึ่งมีสูตรการผลิตและฉลากต่างกัน
ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเป็น 18.00 บาท (เดิม 15.50 บาท)
ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี FY23F ขึ้น 12% เป็น 622 ล้านบาท หลังจากปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 26.5% เป็น 27.5% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 18.00 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 15.50 บาท) โดยอิงจาก PE ปี FY23F ที่ 28x คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไร 3 ปี (FY22F-FY24F) หรือ CAGR ที่ 28%