"แสนสิริ"เหยียบคันเร่งครึ่งหลังปี65รับดีมานด์ฟื้นหวังทวงแชมป์คอนโดคืน
แสนสิริ สานต่อกลยุทธ์ Speed to Marketภาค2เหยียบคันเร่งรับตลาดอสังหาฯฟื้น พร้อมดีมานด์ลูกค้าต่างชาติกลับมาหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบลุยเปิด 31 โครงการใหม่มูลค่า 3.1หมื่นล้านพร้อมกลับมาเป็นผู้นำตลาดคอนโดหลังจากช่วงโควิดชะลอการเปิดตัวหันมารุกแนวราบ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการเดินหน้าภายใต้วิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” เติบโตแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT – PEOPLE – PLANET ส่งผลให้แสนสิริมีผลงานด้าน PROFIT ที่แข็งแกร่ง
โดยยังคงใช้กลยุทธ์ “Speed to Market” ภาค2 เน้นการตอบสนองความต้องการตลาดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาให้ลูกค้า การพัฒนาสินค้า เปิดตัวโครงการ การก่อสร้าง โดยการลดเวลาลงมาเพื่อทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น เพราะปัจจุบันต้นทุนส่วนหนึ่ง ที่สำคัญคือ “ เวลา” ฉะนั้น Chapter 2 ของSpeed to Market คือการพัฒนาทุกอย่างให้ดีขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น การก่อสร้างจากเดิมเคยใช้เวลา 6-7 เดือน ลดลงเหลือ 5-6 เดือน หรือการเปิดตัวโครงการให้เร็วขึ้น จากเดิมเคยใช้เวลา 14 เดือน ลดลงเหลือ 10-12 เดือน รวมทั้งการแก้ปัญหาให้ลูกค้า โดยการปรับSpeedให้ตอบรับกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เปรียบเหมือนกับการเหยียบคันเร่งรถยนต์จากเดิมเหยียบความเร็วอยู่ที่100 ปีที่ผ่านมาเหยียบ110 ปีนี้เหยียบเพิ่มขึ้นเป็น 120 !!
นายอุทัย กล่าวว่า แผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ที่แสนสิริจะแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ Speed to Market#2 มองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวไวรองรับทุกสถานการณ์ รับตลาดอสังหาฯ ฟื้นและดีมานต์ลูกค้าต่างชาติ ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ และไฮไลท์การเปิดตัวโปรดักส์ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบภายใต้แบรนด์ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์
เกือบทุกแบรนด์ตั้งแต่ระดับไฮเอนด์อย่าง นาราสิริ , บูก้าน ถัดมาเศรษฐสิริ บุราสิริ , สราญสิริ อณาสิริ และสิริเพลส ขณะเดียวกันคอนโดมิเนียมแบรนด์ต่างๆในปีนี้ จะเปิดทั้งหมด 15 โลเคชั่น ที่อยู่ในทำเลรถไฟฟ้า เห็นวิวแม่น้ำ หรือใกล้แหล่งงานและชุมชน ใน3 แบรนด์หักในครึ่งปีหลัง คือ แบรนด์เดอะเบส เดอะมูฟและ คอนโดมี
“ แสนสิริโตมาจากการทำคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี จับกลุ่มไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านแสนสิริ หรือนาราสิริ ครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัวแบรนด์เหล่านี้เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดลักชัวรี และก่อนโควิด แสนสิริเคยเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเกิดโควิด-19 ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกมา ดังนั้นในครึ่งหลังปี65 จะเริ่มรีสตาร์ทโครงการคอนโดมิเนียมกลับมา ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อกลับมาเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียม ”
สำหรับในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 46 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนจากโครงการแนวราบ 78% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 22% โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 12 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 31 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,200 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 21,680 ล้านบาท, โครงการมิกซ์โปรดักส์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,550 ล้านบาท, โครงการทาวน์โฮม จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,720 ล้านบาท และโครงการคอนมิเนียม จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,250 ล้านบาท
“ เป้าหมายทั้งยอดขายทั้งปี 35,000 ล้านบาท มูลค่ายอดโอน 35,000 ล้านบาท ในส่วนยอดขายทั้งปีเหลือตัวเลข16,000 ล้านบาท สอดคล้องแผนระยะกลาง 3ปีจะล้อนช์โครงการให้ได้ 150,000 ล้านบาททำยอดขายให้ได้120,000 ล้านบาท ถ้าปีนี้สามารถเปิดตัวโครงการได้ 50,000 ล้านบาทและทำยอดขายได้ 35,000 ล้านบาท เป้าหมายใกล้ความจริง ”
นายอุทัย กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังหลายคนอาจจะกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หรือ ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ผมกลับมองว่า เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ฉะนั้นครึ่งปีหลังปีนี้ตลาดเริ่มกระเตี้องขึ้นเรื่องการส่งออกดีขึ้น เพราะเงินบาทอ่อน เรื่องที่สอง คือการท่องเที่ยว รัฐบาลเริ่มมีนโยบายเปิดประเทศแล้ว ซึ่ง 2 ธุรกิจนี้เป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในประเทศ
"หาก ส่งออกดี การท่องเที่ยวดีขึ้น เชื่อตลาดอสังหาฯ เริ่มฟื้นตัวกลับมาและเร็วๆนี้รัฐมีนโยบายกระตุ้นอสังหาฯ เพราะมองว่าอสังหาฯก็เป็นเครื่องยนต์อีกตัวหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เติบโต"