กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ รับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว... กลับสู่ช่วงสร้างฐานราคาใหม่
ตลาดหุ้นไทยน่าจะพักสร้างฐานราคาใหม่ แนวโน้มไซด์เวย์ในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (16-20 ธันวาคม) ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักอีก จนทะลุแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,400 จุด
เพราะถูกกดดันจากทั้งปัจจัยภายใน และ ภายนอก
ปัจจัยแรก Fed ส่งสัญญาณว่าอาจจะลดดอกเบี้ยลงอีกเพียงสองรอบ (รวม 50bps) เหลือ 4.00% และ ยัง
ปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อหลักขึ้นอีก ดังนั้น ดัชนี US Dollar Index ที่ถ่วงน้ำหนักตามการค้า และ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจึงวิ่งขึ้นแรง ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง
ปัจจัยที่สอง หุ้นกลุ่มหลักใน SET สองสามกลุ่มมีประเด็นความกังวลใหม่เข้ามากระทบ โดยนักลงทุนตอบรับในเชิงลบกับการที่ CPAXT เข้าไปลงทุนในโครงการ mixed-used ขนาดใหญ่ และ ต่อมาในช่วงปลายสัปดาห์ หุ้น TOP* ก็ถูกเทขายอย่างหนักหลังจากที่เพิ่มต้นทุนการลงทุนในโครงการ Clean Fuel Project (CFP)
สำหรับสัปดาห์นี้ (23-27 ธันวาคม) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะทรงตัว และ แรงขายน่าจะแผ่วลงเนื่องจาก
เหตุผลดังต่อไปนี้
ข้อแรก จากเหตุการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับกลุ่มผู้บริโภค และ โรงกลั่น เราคิดว่านักลงทุนน่าจะลดการถือครองหุ้นไปแล้ว และ รอดูสถานการณ์ความคืบหน้าในประเด็นดังกล่าวแทน โดยในสัปดาห์นี้เป็นช่วงคริสต์มาส ดังนั้น แรงกดดันจากการไหลออกของเงินลงทุนจากต่างชาติจึงน่าจะลดลง
ข้อที่สอง สัปดาห์นี้ไม่น่าจะมีตัวเลขเศรษฐกิจโลกออกมามากนัก หลังจากที่ Fed ทำให้ตลาดโลกผันผวนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากประมาณการณ์ dot-plot ที่ออกมาในเชิง hawkish
ติดตามยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐ, การอนุมัติมาตรการกระตุ้นการบริโภค และตัวเลขการค้าเดือน พ.ย. ของศุลกากร
ปัจจัยต่างประเทศ: ธนาคารกลางหลัก ๆ เปิดเผยผลการประชุมนโยบายล่าสุดไปแล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งตลาดตอบรับไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงน่าจะไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจออกมามากนัก โดยมีเพียงยอดขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐในวันที่ 26 ธันวาคม ซึ่ง Consensus ประเมินว่าจะอยู่ที่ 218,000 ราย ซึ่งหมายความว่าตัวเลขในตลาดแรงงานยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) การพิจารณาอนุมัติมาตรการ Easy e-Receipt เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของชนชั้นกลางโดยคณะรัฐมนตรีในวันอังคาร ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นำค่าใช้จ่ายที่ใช้ระหว่างวันที่ 15 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 มาหักภาษีได้ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 5 หมื่นล้านบาท ii) ดุลการค้าเดือนพฤศจิกายนตามข้อมูลศุลกากร ซึ่งยังไม่ได้กำหนดวัน แต่คาดจะรายงานในสัปดาห์นี้
ยังคงเน้นหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากนโยบายรัฐบาล และ หุ้นที่อยู่ในช่วง high season
ถึงแม้เราจะคาดว่าแรงกดดันจะลดลงในสัปดาห์นี้ แต่เรามองว่าตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยบวกที่จะกระตุ้นให้ดีดตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ และ ก็เช่นเดียวกับที่เราระบุไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์ในช่วงนี้ ว่าหุ้นกลุ่มผู้บริโภค และ การท่องเที่ยวดูน่าสนใจเพราะผลประกอบการกำลังเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลและ จะได้อานิสงส์จากนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการ Easy e-Receipt ที่น่าจะผ่านการอนุมัติในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นกลุ่มนี้ที่เราชอบได้แก่ CRC*, COM7* และ AOT*