กองทุน หลบตลาดผันผวนครึ่งปีหลัง 65 ปรับพอร์ตกระจายสินทรัพย์ -เพิ่มผลตอบแทน
กองทุนปรับพอร์ต "บลจ.กสิกรไทย” เผยตลาดสะท้อนปัจจัยลบ ทยอยสะสมหุ้นเอเชีย-หุ้นกู้ไทยระยะสั้น “บลจ.อีสท์ปริง” เน้นลงทุนยาว 3 ปีขึ้นไป รอจังหวะเข้า อินฟราฯ -อสังหาฯ – หุ้นจีน-ตราสารหนี้ทั่วโลก “บลจ.พรินซิเพิล” มองบวกหุ้นไทย พื้นฐานแกร่ง-สภาพคล่องสูง-ท่องเที่ยวบูม
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นโลกในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนการรับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอยไปมากแล้ว
ดังนั้นระดับราคาของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ที่ปรับฐานลงมาที่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาว ประกอบกับ และการเติบโตของกำไรและเศรษฐกิจของหลายๆภูมิภาค แม้จะชะลอลงแต่ยังเป็นการขยายตัว
ทั้งนี้ผู้จัดการกองทุน มองเป็นโอกาสในการปรับพอร์ตทยอยสะสมหุ้น โดยเฉพาะเอเชีย เช่น จีน ที่มีนโยบายการเงินและการคลังสนับสนุนการเติบโตสวนทางกับประเทศฝั่งพัฒนาแล้ว รวมถึงมีการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นในเชิงเปรียบเทียบ
ขณะที่ในส่วนของตราสารหนี้เข้าลงทุนในกองทุนที่เน้นหุ้นกู้ไทยอายุไม่ยาวมาก จากความเสี่ยงเครดิตตลาดตราสารหนี้ไทยยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราการผิดนัดชำระหนี้มีแนวโน้มลดลงจากผลของเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เรายังคงลงทุนต่อเนื่อง ( Stay invest) เป็นช่วงปรับลดความเสี่ยงตามความเหมาะสมในช่วงตลาดผันผวน ปรับพอร์ตการลงทุนโดยรวม เน้นการลงทุนระยะยาว 3 ปีขึ้นไป สร้างผลตอบแทนรวม 4-6%
โดยเพิ่มน้ำหนัก การถือครองเงินสด เพิ่มจากสัดส่วน 5% เป็น 7-8% รอจังหวะเข้าลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม และเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มจากสัดส่วน 10% เป็น12% ขณะเดียวกันการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างตราสารหนี้ระยะยาวในต่างประเทศทั่วโลก ยังควรเพื่อบริหารพอร์ตการลงทุน ลดความผันผวน และยังสามารถผลตอบแทนได้ดี ทั้งภาวะขาขึ้นและขาลงทุน ในพอร์ตลงทุนควรสัดส่วน ราว 40% ที่เหลือ 60% เป็นการลงทุนในหุ้น
นายยิ่งยง กล่าวว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย แต่ในส่วนหุ้นต่างประเทศ ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นยุโรปและตามมาด้วยหุ้นสหรัฐ แต่ขณะนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน สามารถเริ่มทยอยเข้าสะสมได้สำหรับการลงทุนระยะ 6 เดือนข้างหน้า หลังจากราคาหุ้นจีนปรับตัวลงมามาก และจีนเป็นประเทศขนาดใหญ่รายสุดท้ายที่มีโอกาสจะฟื้นตัวหลังโควิด หากจีนผลิตวัคซีน mRNA ได้เป็นของตัวเองในช่วงต้นปีหน้า
ดังนั้นคาดว่า ตลาดหุ้นจีนมีโอกาสกลับมาได้ ซึ่งเงินจะไหลจากประเทศที่เปราะบาง อย่างยุโรป และประเทศที่กำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างสหรัฐ มาที่จีน
“ผู้จัดการกองทุน ประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ตลาดยังคงผันผวนต่อเนื่องและโอกาสที่ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวดี ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ยังเป็นไปได้น้อย ดังนั้นการกระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ในต่างประเทศ เปิดโอกาสให้มีผลตอบแทนดียิ่งขึ้นในช่วง 2558-2564ผลตอบแทนการลงทุนต่างประเทศ ยังสูงที่ 11.5% ต่อปีเมื่อเทียบกับการลงทุนหุ้นไทยมีผลตอบแทน 4.7% เท่านั้น”
นายศุภกร ตุลยธัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดผันผวนสูงต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อระดับสูงและโอกาสที่เฟดเร่งปรับอัตราดอกเบี้ย สำหรับนักลงทุนระยะยาว ใช้กลยุทธ์การลงทุน กระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ เพื่อควบคุมความเสี่ยง และมีโอกาสรับรับผลตอบแทนที่เหมาะสม การลงทุนในหุ้นสัดส่วน 70% ของพอร์ต มุ่งเน้นหุ้นคุณค่า (Value Stock) ที่มีศักยภาพการเติบโตในยะยาว มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและสภาพคล่องสูง มากกว่าหุ้นเติบโต (Growth Stock)
ภาพรวมการปรับพอร์ตลงทุนของเรา จะมุ่งเน้นในหุ้นคุณภาพมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและสภาพคล่องสูง สำหรับหุ้นไทย ยังมองดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ ในกรอบ 1,650 – 1,750 จุด โดยระยะสั้นยังคงมีปัจจัยกดดันจากภายนอก ได้แก่ เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และอัตราเงินเฟ้อระดับสูง ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดอาจได้รับปัจจัยบวกจากธีมเปิดเมือง นำโดยหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว