วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (1 ส.ค. 65)

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังตลาดคาดการณ์การประชุมของ OPEC+ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 ส.ค. 65 นี้ อาจพิจารณาไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตเกินกว่าแผนที่วางไว้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตสำรอง (spare capacity) ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว

+ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุน หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาถูกลงและเพิ่มความดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นหันมาสนใจลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้น

- Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 9 แท่น สู่ระดับ 767 แท่น สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ก.ค. 65 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 63 สำหรับปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ EIA รายงาน ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ก.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.20 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับที่ 12.10 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต็อกน้ำมันเบนซินของสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.2% หรือ 1.82 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 18.02 ล้านบาร์เรล ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ค. 65 เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคปรับลดลงในช่วงมรสุม ขณะที่ปริมาณการส่งออกจากจีนมีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผู้ส่งออกหลายรายในประเทศใช้โควต้าการส่งออกที่ได้รับอย่างจำกัดเปลี่ยนเป็นส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นแทน

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่สต็อกน้ำมันดีเซลของสิงคโปร์ ปรับลดลงกว่า 10.29% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ระดับ 7.24 ล้านบาร์เรล ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ค. 65 เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับดี