“อรรถพล” โชว์วิสัยทัศน์อนาคตพลังงาน ดันไทยสู่ Regional LNG Hub

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในระหว่างปาฐกถาพิเศษ การประชุมด้านพลังงานและยานยนต์พลังงานสะอาด และการจัดแสดงนิทรรศการสุดยอดนวัตกรรมระดับเอเชีย "Future Energy Asia Exhibition and Summit" ว่า ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่สำคัญของประเทศ ปตท. มีเป้าหมายที่จะดันไทยเป็นศูนย์กลาง LNG ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน

แม้ทั่วโลกจะตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่บรรดาธุรกิจและครัวเรือนก็มีความต้องการใช้พลังงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตต่อไป ทั่วโลกในขณะนี้จึงอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมีก๊าซธรรมชาติเป็น Transition Fuel เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รวมถึงมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน 

"เราจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติ ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยลดการพึ่งพาน้ำมันและถ่านหิน และหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมากขึ้น" นายอรรถพล กล่าว 

ในส่วนของการผลักดันการเป็นศูนย์กลาง LNG ของภูมิภาคนี้ นายอรรถพล อธิบายว่า กลุ่ม ปตท. เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางดังกล่าว โดยในปี 2565 ประเทศไทยจะมี Regasification Capacity เพิ่มเป็น 19 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่ 11.5 ล้านตันต่อปี การผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง LNG ของภูมิภาคถือเป็นความมุ่งมั่นของกลุ่ม ปตท. ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศไทย และกลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าที่จะมีธุรกิจก๊าซ LNG ใน Portfolio ให้ได้ปริมาณ 9 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ได้เดินหน้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานอนาคตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีและระบบการกักเก็บพลังงาน เครือข่ายระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) เช่น สถานีชาร์จ และโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 

ทั้งนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กร Powering Life with Future Energy and Beyond "ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต" นายอรรถพล ย้ำว่า กลุ่ม ปตท. จะดำเนินธุรกิจมุ่งไปสู่พลังงานแห่งอนาคต ในขณะเดียวกันจะยังคงสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย

นายอรรถพล อธิบายความมั่นคงนี้หมายความว่า ไทยจำเป็นต้องมีปริมาณซัพพลายพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมเรื่องการเตรียมความพร้อมด้วยการมองหาโอกาสการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้วย 

นอกจากนี้ ตามวิสัยทัศน์ใหม่ ปตท. ไม่ได้มุ่งเน้นการลงทุนด้านพลังงานอนาคตแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังลงทุนในโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Sciences) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ (Robotics) และเทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) เป็นต้น 

โดย ปตท. มั่นใจว่ากลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงการผสานความร่วมมือจากหลายภาคส่วน จะช่วยกำหนดภูมิทัศน์ด้านพลังงานของประเทศไทย ยกระดับการบริโภคและการใช้ประโยชน์ด้านพลังงาน เพื่อให้พลังงานที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย