กลุ่มการเงินยังเป็นตัวเลือกที่ดี (good bet) ในการเล่นตลาดฟื้นตัวรอบนี้
ผลตอบแทนพันธบัตรโน้มเอียงทางปรับลด ซึ่งเกิดขึ้นจาก 4 ปัจจัย 1) ตลาดตอบรับเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว 2) สะท้อนโอกาสที่เงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว (ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ 10 ส.ค. ซึ่ง Concensus คาดเงินเฟ้อ ก.ค.ที่ 8.8% ลดลงจาก มิ.ย.ที่ 9.1%)
3) ความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการและภาวะเศรษฐกิจถดถอย และ 4) ความตึงเครียดด้านการเมือง ระหว่างสหรัฐฯ และจีน จากการณีไต้หวัน ทำให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเลือกหุ้นที่โมเมนตัมของผลประกอบการไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก // สำหรับบรรยากาศลงทุนระยะสั้นในภูมิภาคอาจชะลอตัวหลังตัวเลขเศรษฐกิจ (PMI ภาคการผลิต) ส่วนใหญ่ชะลอตัวลง อีกทั้งแรงกดดันการเมืองระหว่างประเทศจากการณีผู้แทนสหรัฐฯอาจเยือนไต้หวัน
กลุ่มการเงินเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นจาก 0.50% ในตอนเกินสถานการณ์โควิด มี.ค.63 มาสูงสุดราว 3.5% ในช่วง มิ.ย.65 ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มที่มีความไวต่อผลตอบแทนพันธบัตร อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค และการเงิน (Finance) ปรับลดลงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ปรับลดลง 10-40% โดยมีหุ้นที่ปรับลดลงมากที่สุดได้แก่ SAWAD, MTC, AMANAH, BFIT, TIDLOR, THANI ในสถานการณ์ปัจจุบันที่แรงกดดันการขึ้นดอกดอกเบี้ยเริ่มชะลอลง หรือผลตอบแทนพันธบัตรมีโอกาสปรับลดลง เรามองหุ้นการเงินเป็นตัวเลือกที่ดี (good bet) ในการเก็งรับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นรอบนี้ หลัง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มไฟฟ้าปรับตัวขึ้นเด่นเพราะข่าวการปรับขึ้น Ft ไปแล้ว โดยเราชอบ SAWAD, AMANAH, MTC, TIDLOR ตามลำดับ อย่างไรก็ตามปัจจัยติดตามสำคัญของกลุ่มการเงินคือหนี้เสียหรือ NPL ที่อาจเร่งตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3/65
ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN 5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค JMT, HANA, PTL, PR9, TEAM, OTO, ICHI
ภาพรวมกลยุทธ์: คาดจะเห็นการชะลอตัวบริเวณ 1,585-1,600 จุด หลังปรับขึ้นมาแรงในช่วงสั้น แต่แนวโน้มส.ค.มีโอกาสขยับกรอบไปถึง 1,630-1,650 จุด ภาพใหญ่เน้นเลือกซื้อ กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก) ขณะที่เก็งกำไรระยะสั้น มองหุ้นใหญ่ที่อาจได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้ารอบใหม่ อาทิ ธนาคาร การเงิน มีความน่าสนใจ สำหรับ DR หุ้นจีน ทยอยสะสม ช่วงสั้นข่าว BABA อยู่ในรายชื่อที่อาจถูกถอดถอนจากสหรัฐฯ กดดันบรรยากาศลงทุน //หุ้นแนะนำ: RS*, SAWAD*, AMANAH*, PTG*
แนวรับ: 1,585 / แนวต้าน : 1,600 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐต่ำสุดรอบ 2 ปี – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 52.3
ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายยูโรโซนร่วงต่ำกว่า 50 - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนลดลงแตะระดับ 49.8 ในเดือนก.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนมิ.ย. โดยยังสูงกว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นที่ 49.6 เล็กน้อย
เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.3% ใน Q3/65 – ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.3% ในไตรมาส 3
ญี่ปุ่นเตรียมเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมากเป็นประวัติการณ์ - รัฐบาลญี่ปุ่นมีแนวโน้มเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับปีการคลัง 2565 มากเป็นประวัติการณ์อีก 30 เยน จากปัจจุบันที่ 930 เยน (7 ดอลลาร์) ต่อชั่วโมง ขณะที่กำลังต่อสู้กับเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
PTTEP ปิดท่อก๊าซโครงการซอติก้าหลังเกิดรอยรั่วคาดซ่อมแซมราว 2 สัปดาห์ - ช่วงเช้าของวันที่ 1 สิงหาคม 2565 เกิดรอยรั่วที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกของโครงการซอติก้า ส่งผลให้แรงดันในท่อส่งก๊าซฯ ลดลง ขณะนี้ได้ปิดวาล์วของท่อก๊าซฯ และหยุดการส่งก๊าซฯเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยจากการระเบิดหรือเพลิงไหม้ คาดใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 2 สัปดาห์
Comment: Zawthika เป็นโครงการก๊าซขนาดใหญ่ มีกำลังการผลิตก๊าซป้อนเข้าไทยประมาณ 250 MMCFD หรือ ประมาณ 35% ของแหล่งก๊าซพม่าที่เข้าไทย การไม่สามารถจ่ายก๊าซได้ในช่วง 2 อาทิตย์นี้ จะทำให้กำไร PTTEP ลดลงประมาณ US$15m หรือ 550 ลบ ผลกระทบไม่เยอะ (1%) ผลกระทบอาจจะน้อยกว่านี้หาก PTTEP สามารถเรียกส่งก๊าซจาก Yadana ได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ต้องมีการเจรจากับประกันเพิ่มเติม
IPO เข้าซื้อขายวันแรก – 2 ส.ค. YONG (MAI)
ประเด็นติดตาม: 2 ส.ค. – US JOLTs Job Openings / 4 ส.ค. – US Initial Jobless Claims / 5 ส.ค. – TH CPI, US Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate / 10 ส.ค. – ประชุม กนง, US CPI
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)