พักเหนื่อย (ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2565)

พักเหนื่อย (ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2565)

ตลาดหุ้นวานนี้ SET ปิดบวก 17 จุด พุ่งแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แรงเก็งกำไรในหุ้น Growth Stock หรือหุ้นกลุ่ม Tech ยังหนุนตลาด นำโดย หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA KCE HANA)

นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ราคายัง Underperform ตลาด อาทิ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (OR และ PTG) ส่วน PTTEP ปรับตัวลงจากข่าวท่อก๊าซระเบิดในพม่า (อยู่ระหว่างตรวจสอบ)

 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

ประเมิน SET แกว่งตัว 1,585 - 1,600 จุด ความกังวลเศรษฐกิจหดตัวหลังดัชนี PMI หลายประเทศชะลอตัวลงโดยเฉพาะยุโรปและจีนที่ปรับตัวลงต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงซึ่งเป็นลบต่อดัชนีและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม Fund flow ต่างชาติที่พลิกเป็นบวก รวมถึงแรงซื้อดักงบ 2Q22 จะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวนด์ขึ้นได้

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

          GPSC BGRIM GULF RATCH SCGP SCC EPG  อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง

          MTC SAWAD KTC AEONTS ASK กลุ่ม Finance อานิสงส์ US Bond yield อ่อนตัวลง

          กลุ่มหุ้นที่คาดว่างบ 2Q22 เติบโต CKP GFPT TFG PTTEP TOP SPRC BANPU IVL SNNP BEM CPN CENTEL

 

หุ้นแนะนำวันนี้

EPG (ปิด 9.70 ซื้อ/เป้า 16 บาท) วันนี้ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงราว 4.7$/bbl ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 1Q23 (เม.ย.-มิ.ย.22) คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว qoq ตามการเปิดเมืองแต่ยังเติบโตไม่มากเนื่องจากกลุ่มธุรกิจ Auto ยังกดดัน

GPSC (ปิด 69.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 72 บาท) แรงกดดันต่อต้นทุนพลังงานเริ่มลดลงหลังจากแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวเป็น Sentiment บวกกับโรงไฟฟ้าประกอบกับมีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นค่า Ft ให้เก็งกำไรเป็นบวกกับผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนของโรงไฟฟ้า SPP และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นภาคอุตสาหกรรมสูง

 

 

 

 

บทวิเคราะห์วันนี้

PTTEP (ปิด 159.5 ซื้อ/เป้า 185), Property sector

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของกลุ่มประเทศ ศก. หลักชะลอตัว โดยเฉพาะจีนและยุโรป: โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน ก.ค. ลดลงสู่ระดับ 49 จากระดับ 50.2 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือน มิ.ย. (ตัวเลขต่ำกว่า 50 สะท้อนการหดตัว) ส่วนสหรัฐลดลงสู่ระดับ 52.8 แม้จะยังอยู่เหนือระดับ 50 แต่นับเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี

(-) กลุ่มน้ำมันมีปัจจัยลบราคาน้ำมันดิบร่วงแรงหลังดัชนี PMI ของหลายประเทศชะลอตัว: ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงแรงกว่า 4.73 ดอลลาร์ (-4.8%) ปิดที่ระดับ 93.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักลงทุนกังวลดีมานด์หดตัวหลังหลายประเทศรายงานกิจกรรมภาคการผลิตหดตัวตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจะเป็นลบโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมัน (PTTEP PTT TOP SPRC) และอาจจะกดดันต่อ SET Index เพราะมีสัดส่วน 25% ของ market cap รวม

(+/-) OPEC+ Meeting คาดเพิ่มปริมาณการผลิตที่ระดับเดิม: OPEC+ meeting ในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) เราให้น้ำหนักเป็นกลาง โดยคาดว่า OPEC+ จะเพิ่มการผลิตสำหรับเดือน ก.ย. ที่ระดับ 648,000 บาร์เรลต่อวัน ตามเดิม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว ทำให้การปรับเพิ่มปริมาณการผลิต ณ ระดับดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลต่อทิศทางของราคาน้ำมันดิบอย่างมีนัยสำคัญ