วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (4 ส.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินสหรัฐฯ ขึ้นสวนคาด แม้ OPEC+ เพื่มการผลิตน้อย
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินที่ปรับเพิ่มขึ้นสวนคาด โดยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะปรับลดลง 0.6 และ 1.6 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เกิดจาก การส่งออกที่ลดลงและความต้องการที่ชะลอตัวของตลาด
+/- การประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) เพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือน ก.ย. นี้ขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตจะเพิ่มเพียง 100,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.1 ของความต้องการใช้น้ำมันโลก แม้จะมีการเดินทางเยือนซาอุฯ ของปธน. สหรัฐฯ เมื่อช่วงก่อนหน้าผลักดันให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ตลาดน้ำตึงตัว อย่างไรก็ตาม กลุ่มยังมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณน้ำมันสำรอง (spare capacity) ทำให้มีการเพิ่มการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยกลุ่มจะจับตาสถานการณ์ตลาด และจะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 5 ก.ย. 65
- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านและสหรัฐฯ เดินทางไปยังกรุงเวียนนาเพื่อเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างไม่เป็นทางการอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การจะหาข้อสรุปได้ยังดูจะเป็นไปไม่ง่ายนัก หากแต่จะมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินโดนีเซียมีแนวโน้มนำเข้าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การนำเข้าจากปากีสถานคาดว่าจะน้อยลงเนื่องจากประสบปัญหาเงินสำรองในประเทศ
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในตลาดปรับเพิ่มขึ้นจากการส่งออกของผู้ผลิตในเอเชียเหนือ ทั้งเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม โรงกลั่นในเกาหลีใต้ และอินเดียที่กำลังจะเข้าสู่การปิดซ่อมบำรุง อาจส่งผลให้อุปทานตึงตัว