“สันติ”หวั่นกระทบผู้ใช้น้ำหลังศาลสั่งระงับเซ็นสัญญาท่อน้ำอีอีซี

“สันติ”หวั่นกระทบผู้ใช้น้ำหลังศาลสั่งระงับเซ็นสัญญาท่อน้ำอีอีซี

“สันติ”หวั่นผลกระทบผู้ใช้น้ำโครงการอีอีซี หลังศาลปกครองสั่งระงับเซ็นสัญญาโครงการ กับวงษ์สยามผู้ชนะประมูลรายใหม่ หากการพิจารณาล่าช้าจนสิ้นสุดสัญญาโครงการกับผู้ดำเนินโครงการรายเดิมในสิ้นปี 66 ชี้ธนารักษ์จะเป็นผู้พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งหรือไม่

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางสั่งระงับการเซ็นสัญญาโครงการพัฒนาท่อน้ำสายหลักภาคตะวันออก(ท่อน้ำอีอีซี)ระหว่างกรมธนารักษ์ กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัดในฐานะผู้ชนะการประมูลว่า กระทรวงการคลังจะต้องถือปฏิบัติตามคำสั่งศาลดังกล่าว ส่วนจะดำเนินการอุทธรณ์คำสั่งหรือไม่ เป็นหน้าที่ของกรมธนารักษ์ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ

สำหรับผลกระทบที่จะมีต่อการใช้น้ำของผู้ประกอบการ และประชาชน หากการเซ็นสัญญาโครงการมีความล่าช้านั้น เขากล่าวว่า ขณะนี้ โครงการดังกล่าวมีผู้ดำเนินโครงการรายเดิมเป็นผู้บริหาร ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค.2566 หากการดำเนินการเซ็นสัญญากับผู้ชนะประมูลรายใหม่มีความล่าช้าไปกว่านั้น ก็ยอมรับว่า อาจจะมีผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในช่วงรอยต่อในเรื่องของราคาที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงนี้ ทางกรมธนารักษ์จะต้องเป็นผู้พิจารณาผลกระทบ

“ขณะนี้ จะช้าจะเร็ว จะเสียหายอย่างไร เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ในเมื่อศาลสั่งมาอย่างนั้น หน่วยงานต่างไม่สามารถที่จะไปขัดศาลได้ ฉะนั้น ปัญหาอะไรต่างๆ ที่คาดการณ์ก็ขึ้นอยู่กับศาลพิจารณาเร็วหรือช้า ถ้าช้าหรือเลยสัญญาหรือช้าจนเลยการส่งมอบที่ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือฉุกละหุกเกินไป ก็เป็นปัญหาของผู้ใช้น้ำในภาคตะวันออกและผลประโยชน์ที่ส่งให้รัฐ เพราะยังไม่มีคู่สัญญาใหม่”

ทั้งนี้ ทางกระทรวงก็ได้ชี้แจงแล้วว่า การดำเนินการจัดหาผู้ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อในพ.ร.บ.ที่ราชพัสดุฯ กำหนดไว้ว่า จะต้องจัดหาผู้ดำเนินโครงการภายใน 3 ปี เพื่อให้มีเวลาในการปรับปรุงส่งมอบพื้นที่ แต่เมื่อเป็นเรื่องที่ศาลมีคำสั่ง ทางหน่วยงานราชการต้องปฏิบัติตาม

“ทางพ.ร.บ.ที่ราชพัสดุฯได้ให้เวลา 3 ปี เพื่อให้มีช่วงเปลี่ยนผ่านในการเตรียมตัวหรือส่งมอบพื้นที่ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ทั้งนี้ ทางกรมธนารักษ์เองก็พยายามที่จะตั้งใจที่จะไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้น้ำ และผลประโยชน์ของรัฐ”

เขากล่าวว่า ทางกระทรวงการคลังไม่จำเป็นต้องชี้แจงต่อ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก ศาลก็ได้วินิจฉัยไปที่บริษัทเอกชนด้วย

ทั้งนี้ บริษัทจัดการ และพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรืออีสท์วอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารรายปัจจุบัน ได้ร้องต่อศาลมาถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งระงับการเซ็นสัญญาโครงการกับผู้ชนะการประมูลรายใหม่  ซึ่งในระยะที่ผ่านมา ทางศาลก็ได้บอกว่า กรมธนารักษ์ทำถูกขั้นตอน แต่เงื่อนไขสัญญาไม่สมบูรณ์ ถ้าตัดสินฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปแล้วจะไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่าย หากเซ็นสัญญาไปเจ้าหน้าที่กรมฯ ก็จะเดือดร้อน ซึ่งศาลฯ ก็บอกว่า คณะกรรมการที่ราชพัสดุมีสิทธิหากสัญญาไม่สมบูรณ์

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์