‘เยสโทเคน’ ยอดยืมพุ่ง 3000% จ่อลง ‘ไบแนนซ์ สมาร์ทเชน’ ปลายปี 65

"นายสุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เยสเอ็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด หรือ เยสโทเคน (Yes Token) เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มได้รับผลกระทบจากตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่นักลงทุนตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในระบบบล็อกเชน อาจไม่สามารถขยายผู้ใช้งานครบ 1 ล้านบัญชี ภายใน 1 ปี อาจขยายเวลาออกไปเป็น 2 ปี 

แต่เยสโทเคน ยังสามารถยืนอยู่ในตลาดได้ ที่ราคาเฉลี่ย 44 - 49 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 51% จากราคาเปิดตัว 25 บาท ในเดือนก.ค.2565 และมีมูลค่าตลาด 221 ล้านบาท 

เยสโทเคน เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เยส เอ็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัท บิทคับบล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด รวมถึงพันธมิตรสตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีแถวหน้าของประเทศไทย อย่าง บริษัท ฟินสเตเบิ้ล จำกัด และ บริษัท เวลธิเทคฟิน จำกัด

โดยผู้ถือครองเหรียญ YES สามารถนำไปใช้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม YES Token แพลตฟอร์มให้บริการยืมสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกในประเทศไทย ‘ยืมมั้ย.digital’ ที่ใช้เทคโนโลยี CeDeFi 

รวมถึงการยืม NFT และสิ่งของในโลกจริง ผ่านการแลกสิทธิในร้านค้าที่ร่วมรายการ และแคมเปญให้คนเข้ามาร่วมสนุกโดยทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ และมีแผนพัฒนาเหรียญ YES ให้เป็นเหรียญที่สามารถโหวต และมีสิทธิในระบบการเทรดได้อย่างโปร่งใส (Governance Function) ในอนาคต ในขณะนี้มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

ผลตอบรับดีตามความคาดหมาย

ขณะนี้แพลตฟอร์มยืมมั้ย.digital ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการให้เช่าสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในไทย มีผู้ใช้งานเกือบ 4 พันคน มีการฝากเงินกว่า 7 ล้านบาท และยอดปล่อยให้กู้ยืม 4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,673% จากยอดปล่อยกู้ยืม 106,200 บาท ในเดือนมิ.ย.65

ถือว่าเป็นไปตามความคาดหมาย เนื่องจากการให้ดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์เดียวกับบัตรเครติด โดยมีการคิดค่าเช่า 30% ต่อปี ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เช่าไป ซึ่งผู้ใช้งานสามารถยอมรับได้

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งานของผู้ใช้ยังมายังเยสโทเคนต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ จากการเริ่มต้นการใช้งานจนถึงใช้งานคล่อง อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ซึ่งต้องเปลี่ยนวิธีการใช้สิทธิพิเศษในรูปแบบเดิมที่คุ้นชิน ทำให้การร่วมมือกับบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด ที่มีฐานข้อมูลผู้ใช้ถึง 90 ล้านบัญชี อาจต้องใช้เวลา

ขณะที่พาร์ทเนอร์รายแรก บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) หรือ Lazada ในเดือนพ.ค.65 ถือเป็นการร่วมมือที่ประสบความสำเร็จมาก เราร่วมมือกันในรูปแบบการขายสินค้าภายใต้ร้าน ‘LazMall YES Official Store’ บนแพลตฟอร์มลาซาด้า

สามารถได้รับเยสโทเคนเป็นคะแนน ซึ่งสามารถนำไปตีเป็นมูลค่าตามราคาตลาด (1 เยสโทเคน เท่ากับ 44.56 บาท) ที่นำไปขายเป็นเงินบาท หรือ เก็งกำไรต่อ และเป็นการการันตีผู้ที่มีเหรียญเยส เนื่องจากหากต้องการซื้อสินค้าในลาซาด้าต้องชำระด้วยเงินสด รวมทั้งเป็นช่องทางในการเพิ่มผู้ใช้งานใหม่อีกหนึ่งช่องทาง

โดยขณะนี้มียอดขาย 1,000 ชิ้นต่อเดือน และวางเป้าหมาย 10,000 ชิ้นต่อเดือน หลังจากมีการพัฒนาระบบข้อมูลต่างๆ รวมทั้งทำมาร์เก็ตติ้งแคมเปญเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายในลาซาด้าด้วย

นักลงทุนไทยตื่นตระหนก กระทบธุรกิจ

ล่าสุด เยส โทเคน ได้ร่วมมือกับเวอร์ชวล (WIRTUAL) แอปพลิเคชันออกกำลังกายอันเดอร์ อาร์เมอร์ ประเทศไทย (Under Armour Thailand) แบรนด์เสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาระดับโลก เจาะกลุ่มลูกค้าที่ชอบการออกกำลังกายเปิดตัว Staking Campaign เชื่อมโลกการออกกำลังกายเข้ากับโลกการลงทุน เพียงฝากเหรียญ KUSDT บนแพลตฟอร์ม yestoken.digital รับฟรีไอเท็ม NFT Wirtual เพิ่มค่าพลังอวตาร NFT เพื่อค้ำประกันเหรียญ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา

สถานการณ์ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่อยู่ในขาลงจะไม่ได้มีผลกระทบต่อเยสโทเคนมากนัก แต่สถานการณ์ตลาดคริปโทฯ ในไทยมีผลกระทบเป็นอย่างมาก จากกรณีกระดานเทรดซิปเม็กซ์ระงับการถอนเงินในวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาบล็อกเชน 

เนื่องจากนักลงทุน และลูกค้าคนไทยมีความตื่นตระหนกถึงความปลอดภัย และความเชื่อมั่นของแพลตฟอร์ม ซึ่งเยสโทเคน ถือเป็นหนึ่งธุรกิจิเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีการประสานงาน และพูดคุยกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. อยู่อย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่าไม่มีนโยบายนำสินทรัพย์ลูกค้าออกนอกแพลตฟอร์มเพื่อหาผลประโยชน์อื่นได้

แม้ว่าจะไม่มีข้อกฎหมายในการรองรับธุรกิจนี้ แต่พาร์ทเนอร์ของเราทุกราย มีความแข็งแกร่ง และมีความน่าเชื่อถือ เช่น บริษัท บิทคับบล็อคเชน เทคโนโลยี และพาร์ทเนอร์ที่กำลังจะร่วมงานกันในอนาคต ทำให้เยสโทเคนจะต้องมีความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา และตรงตามหลักการที่แจ้งกับ ก.ล.ต. ในการให้เครติดยืมคริปโทฯและเป็นยูทิลิตี้พร้อมใช้

 จ่อลง' ไบแนนซ์ สมาร์ทเชน' ปลายปี 65

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้แผนการดำเนินงานของเยสโทเคนเลื่อนออกไป เพื่อรอให้สถานการณ์ในตลาดคริปโทฯ ไทยปรับตัวดีขึ้น จากเดิมที่จะมีการประกาศความร่วมมือในด้าน NFT ในเดือนก.ค.2565 เลื่อนไปเดือน ต.ค. 2565 ซึ่งคาดว่าโปรเจกต์นี้จะสามารถตอบโจทย์ และสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ใช้ได้อย่างแน่นอน จากการพัฒนานวัตกรรม NFT และบล็อคเชน ร่วมกับลักซูรี่แบรนด์

โดยในปลายปี 2565 เยสโทนเคนมีแผนที่จะลิสต์ชื่อบน ‘ไบแนนซ์ สมาร์ทเชน’ สมาร์ทเชนที่ดีที่สุดของกระดานเทรดอันดับ 1 ของโลกอย่างไบแนนซ์  ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มผู้ใช้งานไปทั่วโลก คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากโปรเจกต์ที่มีความแข็งแรง ที่สามารถตอบนักลงทุนได้ว่า เยสมีความปลอดภัยและสามารถให้ยืมสินทรัพย์ได้จริง จากมูลค่าตลาดและการให้ดอกเบี้ยที่น่าพึงพอใจ และหากตลาดคริปโทฯ เข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้งคาดว่าธุรกิจ และตลาดจะกลับมาสดใสขึ้น

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์